หนุ่มร้อยเอ็ด นอนขอความเป็นธรรม เมียถูกรถเมล์ทับ หลั่งน้ำตารับเงินเยียวยา

กรณี นายโชคชัย ใบยพฤกษ์ อายุ 36 ปี ชาว จ.ร้อยเอ็ด นอนกลางแยกรัชโยธินเมื่อคืนวันที่ 3 ธ.ค. ที่ผ่านมา ขอความเป็นธรรมให้นางดวงใจ ใบยพฤกษ์ อายุ 33 ปี ภรรยา ที่ซ้อนท้ายรถจยย.ลูกชายถูกรถประจำทางสาย 39 ของขสมก.เฉี่ยวชนทับเสียชีวิต คดีไม่มีความคืบหน้า เหตุเกิดแยกรัชโยธิน เมื่อวันที่ 15 ต.ค. ที่ผ่านมา

หลังเกิดเหตุนายโชคชัยต้องไปกู้เงินเกือบ 6 หมื่นบาทมาจัดงานศพให้ภรรยาและใช้จ่ายในครอบครัว เนื่องจากเมียเป็นเสาหลักของครอบครัว ตนเองตกงานเพราะพิษโควิด-19 ทั้งยังไม่ได้รับเงินเยียวยาจึงทำให้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อน

ด้าน พ.ต.ท.วิโรตม์ ผลบุญ รอง ผกก.(สอบสวน)สน.พหโยธินกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใครรอผลชันสูตรศพ และนัดหมายให้คู่กรณีมาเจรจาเพื่อเยียวยาเหยื่อเบื้องต้นต่อไป

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 8 ธ.ค. ที่ห้องประชุม สน.พหลโยธิน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พ.ต.อ อรรถวุฒิ นิวาตโสภณ ผกก.สน.พหลโยธิน พ.ต.ท. วิโรตม์ ผลบุญ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.พหลโยธิน พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พร้อมด้วยคู่กรณี ตัวแทนจากองค์ การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)

นายโชคชัย ใบยพฤกษ์ สามีผู้เสียชีวิต และลูกชาว วัย 17 ปี ลูกชาย มาเจรจาเยียวยาเบื้องต้นแก่ญาติผู้เสียชีวิต เบื้องต้นที่ประชุมมีการชี้แจงว่า คปภ. ได้จ่ายเงินช่วยเหลือค่าทำศพไปแล้ว 35,000 บาท ส่วน ขสมก.ซึ่งเป็นคู่กรณีมีการช่วยเหลือเงินหลายครั้ง ประกอบด้วยค่าทำศพ 5,000 บาท เงินช่วยเหลือทั่วไป 2 ครั้ง รวม 1,500 บาท และเงินจากกองทุน ขสมก.อีก 10,000 บาท








Advertisement

เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เพิ่มเพื่อน

ส่วนกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ วันนี้จะรับเรื่องขอรับเยียวยาความเสียหาย เพื่อนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการพิจารณาจ่ายเงินเยียวยาตอบแทน ซึ่งจะเหลือยอดสูงสุดไม่เกิน 55,000 บาท เนื่องจากครอบครัวผู้เสียชีวิตได้รับเงินเยียวยาไปแล้ว 35,000 บาท

ด้าน นายโชคชัย กล่าวทั้งน้ำตาขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยเหลือให้ความเป็นธรรม ยืนยันว่าเรื่องที่เกิดขึ้นสามารถชี้แจงความจริงกับสังคม เงินทุกบาทที่มีคนตั้งใจโอนเข้ามาช่วยเหลือ ยังเก็บอยู่ในบัญชี ซึ่งหากสังคมต้องการตรวจสอบตนก็ยินดี

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนี้ว่า เป็นคดีความผิดฐานขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย แต่เนื่องจากคดียังไม่สิ้นสุดจึงยังไม่มีการชี้ชัดว่าใครเป็นฝ่ายถูกหรือผิด โดยยอมรับว่าความยากในคดีนี้คือหลักฐานภาพวงจรปิดในที่เกิดเหตุเห็นไม่ชัดเจนในขณะที่มีการเฉี่ยวชนกัน จึงต้องรอการพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ดูร่องรอยการเฉี่ยวชนประกอบการสอบสวนปากคำพยาน ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ซึ่งได้กำชับให้ทาง สน.พหลโยธิน ทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา ให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย

อย่างไรก็ตามได้ฝากถึงประชาชน ว่าทางที่ดีควรทำประกัน หรือ ต่อ พ.ร.บ. อย่าให้ขาด เช่นในกรณีนี้ หากผู้เสียหายมี พ.ร.บ. อยู่แล้ว ก็จะมีการเยียวยาค่าเสียหายสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท ทันที โดยไม่ต้องเสียเวลาพิจารณาว่าใครเป็นฝ่ายถูกหรือผิด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน