ตร.เร่งคลี่คดี7ขวบดับ ถูกพบเป็นศพในดวงกล้วย ที่เชียงราย สภาพร่างกายบอบช้ำ รองผบช.ภ.5 เผยตอนนี้บอกได้คือ ถูกของแข็งทำร้าย ชี้อาจจะยากกว่าคดีน้องชมพู่
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
วันที่ 19 ม.ค.2564 สภ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย พล.ต.ต.สัณห์ โพธิ์รักษา รอง ผบช.ภ.5 เดินทางมาติดตามคดีการเสียชีวิตของด.ช.วัย 7 ขวบ สภาพร่างกายบอบช้ำ ภายในดงกล้วยของหมู่บ้าน
ต.ดงมหาวัน อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา
- อ่าน ผู้สื่อข่าวช่องดัง เล่านาที ลุงพล บีบคอ ลั่นแจ้งความ หวั่นโดนคุกคาม!
- อ่าน ลุงพล เดือดจัดของขึ้น แย่งไมค์นักข่าว ผลักอก เข้าปล้ำกระชากหน้ากาก
- อ่าน เดือดจัด! หมอปลา นำอดีตแก๊งเพื่อนลุงพล แจ้งความ ลั่น! ไม่ใช่เพื่อนเล่น
จากนั้น พล.ต.ต.สัณห์ ร่วมกับ พล.ต.ต.ชินวิช วิชัยธรพัฒน์ ผบก.ภ.จว.เชียงราย ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ชุดสืบสวน กก.สส.ภ.5 และ สภ.เวียงเชียงรุ้ง เดินทางไปตรวจสอบจุดพบศพ พบจอบ 1 ด้าม รองเท้านักเรียนสีน้ำตาล 1 คู่ ท่อนไม้คล้ายฟืน 2 ท่อน รอยรองเท้านักเรียน 1 รอย เศษรถเด็กเล่น 1 ชื้น ต้นกล้วยที่มีรอยตัดขาด 1 ต้น ส่วนบริเวณบ่อปลาและโรงนาที่มีช่องเก็บท่อนฟื้นห่างจุดเกิดเหตุ 50 เมตร ยังพบรอยเท้าจำนวนมาก และระยะทางจากบ้านมาจุดเกิดเหตุต้องผ่านภูเขาและสวนยาง เป็นไปได้ยากที่เด็กจะเข้ามาถึง
พล.ต.ต.สัณห์ เปิดเผยว่า คดีนี้จำเป็นต้องดูรายละเอียดทั้งหมดอีกรอบ เพราะผู้ตายอายุเพียงแค่ 7 ขวบ ต้องหาแรงจูงใจแต่ก็คาดว่าสาเหตุไม่น่าจะซับซ้อน และมีเรื่องที่จะต้องเข้าไปดูรายละเอียดอีก 2-3 อย่าง เบื้องต้นที่บอกได้คือ เด็กถูกของแข็งทำร้าย อย่างไรก็ตามต้องรอดูผลการชันสูตรพลิกศพจากรพ.เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับช่วงเวลาการเสียชีวิต ขณะเดียวกันมีพยานที่เป็นเด็กที่เล่นกับน้องหลายคน แต่ยังไม่ได้สอบปากคำเพราะต้องมีนักสหวิชาชีพร่วมด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน คาดว่าคดีนี้อาจจะยากกว่ากรณีน้องชมพู่ที่ จ.มุกดาหาร แต่ให้เจ้าหน้าที่เร่งรัดติดตามเพื่อคลี่คลายคดีอย่างเต็มที่แล้ว
วันเดียวกัน ตำรวจเชิญตัวพ่อของเด็กและแม่เลี้ยง มาสอบสวน โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมซักถามด้วยตลอดทั้งวัน นอกจากนั้นตำรวจยังส่งหลักฐานไปยังศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 5 จ.ลำปาง เพื่อตรวจหาหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะดีเอ็นเอที่คนร้ายอาจจะทิ้งเอาไว้ ซึ่งจะทราบผลในอีก 2 วัน
ด้านผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า วันที่พบศพครั้งแรกนั้นตนเดินทางไปตรวจดูสถานที่เกิดเหตุเป็นกลุ่มแรก พบรอยเท้าของเด็กคาดว่าจะมีอย่างน้อย 3 คน อยู่บริเวณไม่ห่างจากศพมากนัก แต่ลักษณะเป็นรอยเท้าที่หันหลังออกจากศพไปพร้อมๆ กัน เหมือนไปพบเจอสิ่งใดสิ่งหนึ่งแล้วตกใจกลัวพากันวิ่งหนี สวนกรณีเรื่องของยาเสพติดที่เด็กอาจไปพบเห็นนั้น ตนเห็นว่าไม่เกี่ยวข้องเพราะในหมู่บ้านไม่มีเรื่องของยาเสพติด แต่ประเด็นน่าจะเกี่ยวข้องกับการที่ไปสร้างความรำคาญใจแก่คนใดคนหนึ่งตามประสาเด็ก ทำให้เกิดการพลั้งมือทำร้ายจนเด็กเสียชีวิตมากกว่า อย่างไรก็ตามข้อเท็จจริงต้องรับฟังจากตำรวจ
