ตำรวจ “คอมมานโด” บก.ปพ. ดักล็อกเจ๊กุ้ง คาโรงแรม พาพวกหลอกเหยื่อทำทีซื้อที่ดิน แลกจ่ายค่ารางวัดเอง สูญเงินเกือบ 3 ล้าน จนเหยื่อเครียมตรอมใจโรคกำเริบดับ แฉประวัติแสบโกยเงินไปแล้วนับ50ล้าน
กดติดตามไลน์ ข่าวสด official account ได้ที่นี่
วันที่ 12 มี.ค.2564 พล.ต.ต.ภูมินทร์ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบก.ปพ. สั่งการให้ พ.ต.อ.อภิสัณฐ์ ไชยรัตน์ ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.ปพ. นำกำลังเข้าจับกุม นางภัทราพัฒน์ หรือกุ้ง (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 54 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชุมพร ที่จ.182/2561 ลงวันที่ 12 ก.ย. 2561 ข้อหา ซ่องโจร และ ร่วมกันฉ้อโกงเงิน โดยจับกุมตัวได้ที่โรงแรม ถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กทม.
- อ่าน แซงไม่พ้น! รถรับ-ส่งนักเรียนคว่ำ 6 ขวบดับสลด เจ็บ 27 ลำเลียงส่งรพ.วุ่น
- อ่าน ค้นบ้านเจ๊รัตน์หาหวย12ล้าน ‘ป้าไพ’ไหว้อัฐิพ่อแม่อธิษฐานขอให้จบเร็ววัน
- อ่าน กู้ระทึก! คาร์บอมบ์ถล่มรามัน ปล้นกระบะซุกระเบิดจอดหลังโรงพัก-แฟลต
จากการจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก เมื่อปี 2561 นางภัทราพัฒน์ พร้อมพรรคพวกได้ตระเวนหาซื้อที่ดินจากชาวบ้านที่จ.ชุมพร โดยอ้างว่าเป็นตัวแทนบริษัทต่างชาติมาหาซื้อที่ดินทำธุรกิจในประเทศไทย โดยให้ราคาที่สูงกว่าราคาประเมิน แต่มีข้อแม้ว่าผู้เสียหายต้องเสียค่ารางวัดเองผู้เสียหายก็หลงเชื่อยอมจ่ายเงินให้ จากนั้นนางภัทราพัฒน์ จะพาพรรคพวกมาสวมรอยเป็นช่างรางวัดเพื่อให้เหยื่อหลงเชื่อโอนเงินไปให้ไป 9 ครั้ง เป็นเงินเกือบ 3 ล้านบาท เนื่องจากมีที่ดินกว่า 3,000 ไร่
จากนั้นปรากฏว่า เมื่อผู้เสียหายจ่ายเงินค่ารางวัดไปแล้ว นางภัทราพัฒน์ กับพรรคพวกก็เงียบหายไป ไม่มีความคืบหน้าเรื่องการซื้อที่ดิน ผู้เสียหายพยายามสอบถามแต่ไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย จึงไปแจ้งความให้ตำรวจติดตามจับกุม ระหว่างนั้นผู้เสียหายเกิดความเครียด เพราะได้ไปกู้ยืมเงินมาจากผู้อื่นเพื่อนำมาใช้เป็นค่ารางวัดที่ดินจนทำให้โรคมะเร็งกำเริบ เสียชีวิตในเวลาต่อมา
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม สืบทราบว่านางภัทราพัฒน์ หลบหนีมาอยู่ที่โรงแรมจึงเข้าจับกุมตัวไว้ได้ จากการตรวจสอบยังพบว่า นางภัทราพัฒน์ มีหมายจับที่ศาลแขวงราชบุรีคดีฉ้อโกงอีก 1 หมายจับ เป็นคดีหลอกซื้อที่ดินลักษณะเดียวกัน มูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท และยังพบประวัติก่อเหตุฉ้อโกงลักษณะเดียวกันอีกกว่า 10 คดี เหยื่อมีทั้งข้าราชการ และบุคคลทั่วไป โดยพื้นที่ความเสียหายมีหลายจังหวัด มูลค่าความเสียหายมากกว่า 50 ล้านบาท สอบสวนผู้ต้องหาให้การยอมรับเพียงว่า ไม่ใช่ตัวการใหญ่ จึงนำตัวส่งสภ.เมืองชุมพร ดำเนินคดีต่อไป
