รวบ “โอ๋ลาย” ขับรถไปหาเมียท้องใกล้คลอด ในค่ายทหาร ค้นรถเจอปืน ยาเสพติดอื้อ อ้างลืมเอาลงจากรถ ไม่ได้ตั้งใจจะเอาไปก่อเหตุ
เกาะติดข่าว กดติดตามไลน์ ข่าวสด
เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 2 เม.ย. 2564 ร.ต.อ.วิฆเนศ ซื่อตรง รองสวป. สภ.เมืองอุดรธานี, รท. ไพบูลย์ ยอดจันทร์ นายทหารเวรสถานี สห.มณฑลทหารบกที่ 24 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม และตำรวจสายตรวจ191 ร่วมกันจับกุมนายกมล พลขยัน หรือโอ๋ลาย อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 156 หมู่ 8 9″น้ำพ่น อ.หนองวัวซอ จ.อุดรธานี
พร้อมของกลางอาวุธปืนสั้น ขนาด.38 มม. จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 28 นัด, ปืนปากกา จำนวน 1 กระบอก, เครื่องกระสุนปืนขนาด.22 มม. จำนวน 7 นัด มีด 1เล่ม, ยาบ้าจำนวน 46 เม็ด ยาไอซ์ จำนวน 2.07 กรัม, อุปกรณ์การเสพ และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ สีบรอนซ์
ทะเบียน มท 4838 กรุงเทพมหานคร
สืบเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้มีชายวัยรุ่น ทราบชื่อภายหลังคือ นายกมล หรือโอ๋ลาย ได้ขับรถยนต์กระบะเข้าไปถึงหน้าค่าย มทบ.24 ทาง สารวัตรทหารขอเรียกตรวจรถ ก่อนที่จะให้ผ่านเข้าไป จึงลดกระจกลง แต่ สห.ทหาร เห็นอาวุธปืนวางอยู่ข้างเบาะฝั่งคนขับ โดยมีเสื้อคลุมปิดเอาไว้ จึงเข้าล็อกตัว ก่อนตรวจค้นในรถเจออาวุธปืนและเครื่องกระสุน พร้อมด้วยยาบ้า และยาไอซ์เพียบ จึงแจ้งตำรวจมารับตัวพร้อมของกลางมาที่โรงพัก จากการตรวจปัสสาวะปรากฏว่าเป็นสีม่วง
ร.ต.อ.วิฆเนศ ซื่อตรง เปิดเผยว่า สอบสวนนายกมลให้การรับสารภาพว่า จะเข้าไปเยี่ยมภรรยาที่ท้องใกล้จะคลอดลูกสาวคนแรกในอีก 2 วันข้างหน้า ซึ่งภรรยาพักอยู่กับลุงที่เป็นทหารอยู่ในค่ายนี้ โดยอาวุธปืนและเครื่องกระสุน สั่งซื้อมาจากทางเฟซบุ๊กกับคนรู้จักกัน เป็นเงิน 17,000 บาท ยาบ้ากับยาไอซ์นั้นซื้อมาจากวัยรุ่นในซอยจินตคาม โดยซื้อยาบ้ามา 50 เม็ด เม็ดละ 40 บาท ส่วนไอซ์ซื้อมากรัมละ 800 บาท เพื่อเอาไว้เสพ แต่ไม่ได้เอาไปขาย
นายกมล ให้การต่อว่าก่อนหน้าเคยถูกจับกุม ติดคุก 4 ปี 9 เดือน ในคดีพยายามฆ่าในตอนนั้นได้ไปดูหมอลำ แล้วใช้อาวุธปืนยิงวัยคู่อริที่จะมาทำร้าย ก่อนพ้นโทษเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา แล้วมาเป็นช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ในซอยจินตคาม ส่วนอาวุธปืนลืมเอาลงจากรถ ไม่มีเจตนาที่จะนำไปก่อเหตุ
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืนและเครื่องกระสุน โดยไม่รับอนุญาต, มียาเสพติดประเภท 1 ยาบ้า และยาไอซ์ มีไว้ในครอบครอง เพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และขับเสพ และเสพยาเสพติดประเภท 1 หรือยาบ้า โดยผิดกฎหมาย ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
