ตร.สรุปสาระกฎหมาย กัญชา กัญชง กระท่อม เสพอย่างถูกกฎหมาย ชี้กัญชา กัญชงต้องใช้การแพทย์เท่านั้น ส่วนกระท่อมต้มได้ แต่ห้ามขาย กับผสมอาหาร

วันที่ 21 ก.ย.2564 พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติสรุปสาระสำคัญกฎหมายใหม่เกี่ยวกับกัญชา กัญชง และกระท่อม โดยทั้งหมดถือเป็นพืชเศรษฐกิจตามแนวนโยบายของรัฐบาล แต่การใช้ประโยชน์จากพืชทั้งสามชนิดนี้ยังมีข้อจำกัดบางประการ

โดยปัจจุบันกัญชา กัญชง ยังคงถูกควบคุมเป็นยาเสพติดอยู่ โดยในปี 2563 กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศ ที่ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 โดยแยกกัญชงออกจากกัญชา เพื่อลดระดับการควบคุมกัญชาและกัญชง ให้สามารถนำมาใช้ในทางอุตสาหกรรมและทางการแพทย์ได้

ดังนั้นตามประกาศนี้สิ่งที่ยังถือเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 อยู่ มีเพียงช่อดอกของกัญชงและกัญชา และเมล็ดกัญชา ส่วนเมล็ดกัญชง ใบจริง กิ่งก้าน ราก เปลือก ลำต้น เส้นใย กากจากการสกัดไม่ถือเป็นยาเสพติด สารสกัด CBD หรือน้ำมันกัญชา ที่มีค่า THC ไม่เกิน 0.2 เปอร์เซ็นต์ก็ไม่ถือเป็นยาเสพติดเช่นกัน

อย่างไรก็ดีเงื่อนไขสำคัญ คือพืชกัญชาและกัญชง ที่จะไม่ถือว่าส่วนต่างๆ เป็นยาเสพติดนั้น ต้องได้รับอนุญาตให้ปลูกอย่างถูกต้องในประเทศ ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ ฉบับที่ 7 เพราะฉะนั้นท่านจะใช้ผลิตภัณฑ์หรือยาจากกัญชา กัญชงได้ ต้องดูว่าผลิตภัณฑ์นั้นได้รับอนุญาตให้ผลิตขึ้นมาอย่างถูกต้องหรือไม่ เช่นใบกัญชา กิ่งก้าน เส้นใย ตรวจดูจากสำเนาใบอนุญาต ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนไทย น้ำมันกัญชาตรวจดูเครื่องหมายทะเบียนยาของกระทรวงสาธารณสุข

ทั้งนี้ต้องไม่ลืมว่าผลิตภัณฑ์ทางยา ท่านจะต้องมีใบรับรองของแพทย์ให้ใช้เพื่อรักษาโรคเท่านั้น การสั่งซื้อผลิตภัณฑ์หรือยาที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชงจากต่างประเทศ ยังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมายทั้งหมด การปลูกกัญชาบ้านละ 6 ต้น เป็นเพียงแนวคิดเท่านั้น ยังไม่มีกฎหมายรองรับ

สำหรับพืชกระท่อมนั้นได้ถูกยกเลิกจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ไปแล้วเมื่อวันที่ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา จึงสามารถใช้ด้วยการเคี้ยวใบ การต้มทำน้ำกระท่อมหรือชากระท่อมดื่มได้ตามวิถีท้องถิ่น แต่ยังมีประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ 424/2564 ซึ่งยังห้ามใช้กระท่อมเป็นส่วนผสมของอาหาร จึงยังไม่สามารถนำมาประกอบอาหารหรือต้มน้ำกระท่อมขายในเชิงอุตสาหกรรมได้ เพราะยังเป็นความผิดตามกฎหมายอาหารและยาอยู่

ส่วนร่าง พ.ร.บ.พืชกระท่อม ที่ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาไปเมื่อวันที่ 8 กันยายนนั้น มีแนวทางการควบคุมที่สำคัญคือป้องกันไม่ให้เด็กเยาวชนเข้าถึงพืชกระท่อม แต่ยังไม่ออกมาใช้บังคับ ในช่วงนี้ขอให้ผู้ปกครอง ช่วยดูแลตักเตือน อย่าให้เด็กและเยาวชนใช้พืชกระท่อมหรือน้ำกระท่อม เพราะอาจมีผลต่อจิตประสาทได้ จนกว่าจะมีกฎหมายเฉพาะออกมาใช้บังคับ ซึ่งคงจะออกมาในอีกไม่นานนี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน