สลด หลานคลั่งยา คว้าจอบตี-มีดฟันย่าแท้ๆ เสียชีวิต ปมขอเงินแล้วไม่ให้ เผย เพิ่งจะบวชหน้าไฟให้พ่อด้วย เจ้าตัวอ้างเป็นทหาร ไม่รู้เรื่องฆ่าย่า

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 20 ต.ค.2565 พ.ต.อ.สุรสิทธิ์ เนื่องจำนงค์ ผกก.สภ.คลองกิ่ว รับแจ้งเหตุมีผู้สูงอายุถูกหลานแท้ ๆ ใช้มีดฟันเสียชีวิตที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมอาสากู้ภัยศีลธรรมสมาคมบ้านบึง

ที่เกิดเหตุพบศพ นางนิยม (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 79 ปี สภาพมีบาดแผลฉกรรจ์หลายแห่ง บริเวณหัวไหล่ซ้ายมีบาดแผลถูกของมีคมฟันเข้ากระดูกโผล่ แผ่นหลังมีรอยช้ำเป็นทางยาวประมาณ 6 นิ้ว ทั่วร่างกายมีรอยมีดขีด นอนคว่ำหน้าเสียชีวิต ใกล้กันพบจอบขุดดินด้ามเหล็กความยาวประมาณ 1.20 เมตร มีคราบเลือด และไขมันติดอยู่บริเวณส่วนสันของจอบ อยู่ข้าง ๆ ผู้ตาย 1 อัน

สลด หลานคลั่งยา คว้าจอบตี-มีดฟันย่าแท้ๆ เสียชีวิต ปมขอเงินแล้วไม่ให้ เผย เพิ่งจะบวชหน้าไฟให้พ่อด้วย

สลด หลานคลั่งยา คว้าจอบตี-มีดฟันย่าแท้ๆ เสียชีวิต ปมขอเงินแล้วไม่ให้ เผย เพิ่งจะบวชหน้าไฟให้พ่อด้วย

นอกจากนี้ ภายในห้องพักไม่มีเลขที่ ยังพบมีดปังตอสภาพเก่าบิดเบี้ยวขึ้นสนิม 2 เล่ม วางอยู่บนโต๊ะ เจ้าหน้าที่จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนผู้ก่อเหตุคือ นายพิพัฒน์พงศ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี เป็นหลาน ที่ยังอยู่ในอาการคลั่ง สภาพคล้ายคนเมา พูดจาไม่รู้เรื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าควบคุมตัวไปสอบสวนต่อที่ สภ.คลองกิ่ว

จากการสอบถาม น.ส.เอ (นามสมมติ) แฟนของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า รู้จักกับนายพิพัฒน์พงศ์มาประมาณ 1 ปี นายพิพัฒน์พงศ์เพิ่งจะบวชหน้าไฟให้ผู้เป็นพ่อที่เสียชีวิต ส่วนสาเหตุคาดว่า เกิดจากยาเสพติด หรือบันดาลโทสะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ที่ได้จากการจัดงานศพพ่อที่ตาย และเงินสะสมจากประกันสังคม ที่ผู้ตายกับนายพิพัฒน์พงศ์มีปากมีเสียงกัน

จากการสอบถาม น.ส.สุภาพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ลูกสะใภ้ของผู้ตาย และเป็นแม่เลี้ยงของผู้ก่อเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุตนอยู่ในบ้าน ได้ยินเสียงดังผัวะ ๆ อยู่ข้างบ้าน จึงเปิดผ้าม่านหน้าต่างดูก็เห็นนายพิพัฒน์พงศ์ซึ่งเป็นหลานของผู้ตายกำลังใช้ไม้ตีย่า จึงรีบวิ่งออกจากบ้านเพื่อจะมาช่วยเหลือ แต่แฟนของนายพิพัฒน์พงศ์ได้ร้องห้ามบอกว่าอย่าเพิ่งเข้าไป จึงวิ่งย้อนกลับมาในบ้านและเอาโทรศัพท์หาน้องสาวให้ช่วยโทรแจ้งกู้ภัยให้มาช่วยเหลือ








Advertisement

น.ส.สุภาพร กล่าวต่อว่า จากนั้นก็มีผู้ใหญ่บ้านที่ได้รับแจ้งมาที่เกิดเหตุและช่วยกันควบคุมตัวผู้ก่อเหตุ ส่วนผู้ถูกทำร้ายก็เสียชีวิตไปแล้ว โดยที่นายพิพัฒน์พงศ์ไม่ได้ทำงานอะไร จะชอบขอเงินย่าเป็นประจำ หากวันไหนไม่ได้ก็จะโวยวายและส่งเสียงดังทะเลาะกับย่า และวันนี้ที่ก่อเหตุอาจเป็นเพราะย่าไม่ให้เงิน

น.ส.สุภาพร กล่าวอีกว่า อีกทั้ง คาดว่านายพิพัฒน์พงศ์น่าจะเสพยาบ้าไปหลายเม็ด จนทำให้ขาดสติ และก่อเหตุดังกล่าว ซึ่งได้เห็นข่าวแบบนี้ทุกวัน ไม่คิดว่าจะมาเจอกับครอบครัวตัวเอง เห็นแล้วรู้สึกหดหู่ใจ อยากให้หน่วยงานภาครัฐ เอาจริงกับการปราบปรามให้มากกว่านี้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาไว้ก่อน ซึ่งจะมีการสอบสวนเพิ่มเติม เนื่องจากขณะนี้ผู้ต้องหาพูดจาไม่รู้เรื่องจากที่เสพยามาเป็นจำนวนมาก ยังอ้างว่าตนเองเป็นทหาร และไม่มีส่วนรู้เห็นกับการฆ่าย่า อีกทั้งช่วงเกิดเหตุไม่อยู่ ได้ไปล่อซื้อยาเสพติด อย่างไรก็ตาม จะมีการสอบสวนพยานโดยรอบอีกครั้ง เพื่อทราบถึงสาเหตุที่แท้แน่ชัดต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน