กลุ่มวัยรุ่น ยืนยันไม่ได้รุมกระทืบ แต่โดนหาเรื่องและถูกต่อยก่อน กลุ่มเพื่อนจึงพากันวิ่งมาห้าม รับใช้ปืนบีบีกันตบจริง เพราะหยิบติดมือมาพอดี

จากรณีภรรยาเข้าร้องเรียนกับเพจสายไหมต้องรอด ให้พาตามคดี หลังสามีถูกวัยรุ่นนับสิบคน รุมทำร้ายร่างกายและใช้ปืนตบหัว จนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่เรื่องไม่คืบหน้า โดยคู่กรณีบอกรู้จักตำรวจในสน.ดอนเมือง ทุกคนและทุกวันนี้ยังนั่งกินเหล้ากันสบายใจ ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 5 ธ.ค. 2565 ที่เคหะทุ่งสองห้อง แฟลต 6 ที่เกิดเหตุ นายซี (นามสมมติ) กล่าวว่า ตนคือคนที่ใส่เสื้อสีชมพูในคลิป ตอนเกิดเหตุตนกำลังใช้ปืนบีบีกันยิงหนูหลังบ้าน แล้วได้ยินเสียงว่ามีคนกำลังโต้เถียงกับแฟนของตนอยู่ จึงเดินออกมาและเห็นว่าน้องชายในกลุ่มกำลังชกต่อยกับชายคนที่ตะโกนหาเรื่องแฟนของตน

อ่านข่าว เมียโวย ผัวโดนวัยรุ่นรุมตื้บ-ปืนตบหัว คดีไม่คืบ ตร.บอกรอผลหมอ 2 เดือน

ตนจึงวิ่งเข้าไปห้ามพร้อมกับมือที่ถือปืนบีบีกันอยู่ รับว่าขณะวิ่งเข้าไปพยายามห้าม มีบางช่วงที่ตนใช้ปืนบีบีกันทุบใส่คู่กรณีไปประมาณ 2 ครั้ง แต่ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการเข้าไปรุมทำร้ายตามที่ทางคู่กรณีให้สัมภาษณ์ เพราะหากทั้งหมดรุมทำร้ายจริง คู่กรณีต้องได้รับบาดเจ็บมากกว่านี้

ตนยืนยันว่าไม่ใช่กลุ่มผู้มีอิทธิพลตามที่คู่กรณีกล่าวหา เพราะการกล่าวหาดังกล่าวทำให้กลุ่มตนได้รับความเสียหาย แต่เป็นทางคู่กรณีเองที่ชอบพูดจาโอ้อวดเกี่ยวกับเรื่องอาวุธปืน เช่น มาแกะพัสดุที่บริเวณกลุ่มที่ตนนั่ง และชอบพูดจาโอ้อวดว่าสั่งอาวุธปืนไป แต่กลับได้อย่างอื่นมา รวมถึงยังเคยบอกว่าเป็นมือปืนรับจ้าง ร่างกายผ่านลูกกระสุนปืนมามากมาย








Advertisement

แต่พวกตนก็ไม่ได้สนใจอะไร คิดว่าเป็นแค่คำพูดของคนเมา เพราะทุกครั้งจะเห็นว่าทางคู่กรณีจะอยู่ในอาการมึนเมาตลอดเวลา รวมถึงในวันเกิดเรื่องคู่กรณีก็นั่งดื่มกินอยู่กับเพื่อนอีกคน และอยู่ในอาการมึนเมา ไม่ได้นั่งดูพระตามที่มีการให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชน

นอกจากนี้นิสัยของคู่กรณีตนก็ทราบมาว่า มักจะชอบไปก่อกวน คุกคาม สอบถามผู้หญิงที่อยู่ในแฟลตว่ามีผัวหรือยัง รวมถึงแฟนสาวของตนก็เคยถูกถามในลักษณะนี้ด้วย ส่วนประเด็นที่แฟนสาวของคู่กรณีอ้างว่าหลังเกิดเรื่อง พวกตนไปข่มขู่คุกคาม ก็ขอยืนยันว่าตั้งแต่วันเกิดเรื่อง ไม่เคยมีการข่มขู่คุกคาม และไม่เคยหลบหนี พวกตนก็นั่งอยู่ที่เดิมตลอดเวลา

ส่วนเรื่องทางคดีหลังเกิดเรื่อง ตำรวจที่เข้ามาระงับเหตุได้แจ้งว่าให้พวกตนเข้าไปแจ้งความเกี่ยวกับเรื่องที่โดนทำร้าย ซึ่งตนได้ให้ผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าว เข้าไปแจ้งความเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนคดีของทางคู่กรณีตนก็ไม่ทราบรายละเอียด แต่ก็พร้อมให้ความร่วมมือกับทางตำรวจหากมีการติดต่อให้เข้าไปสอบปากคำ หรือรับทราบข้อกล่าวหา

ด้านนายเอ (ถอดเสื้อ) และนายบี (เสื้อน้ำเงิน) กล่าวว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุสังเกตเห็นว่าทางคู่กรณีนั่งดื่มสุราอยู่กับเพื่อนที่โต๊ะหินอ่อน ตรงข้ามกับกลุ่มของพวกตน และมีการหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพูดจาโวยวาย ลักษณะมองมาทางพวกตน และมีการพูดจาให้ของลับ แต่ไม่ทราบว่าพูดถึงใคร แต่ก็มองมาทางนี้ และพูดคำเดิมซ้ำไปมาลักษณะเชิงหาเรื่อง

โดยมีการตะโกนถามพี่สาวซึ่งเป็นแฟนของพี่ในกลุ่มว่า มีปัญหาอะไรกับแฟนของเขาหรือไม่ ซึ่งทางฝั่งพี่สาวก็ไม่ได้มีการโต้เถียงอะไร ต่อมาตนกับพี่อีกคนเดินข้ามไปซื้อเครื่องดื่มที่ร้านขายของชำบริเวณหลังโต๊ะหินอ่อน จึงแวะถามคู่กรณีว่า “มีปัญหาอะไรกับพี่ผม” แต่กลับถูกคู่กรณีลุกขึ้นชกต่อยทันที กลุ่มเพื่อนที่นั่งอยู่จึงพากันวิ่งมาห้ามดังกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน