ผบ.ตร.เผย พร้อมปฏิบัติตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ ยืนยันไม่ใส่เกียร์ว่างแม้อุปกรณ์ไม่พร้อม กำชับเจ้าหน้าที่บริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

เมื่อวันที่ 19 พ.ค. 66 พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เปิดเผย ว่า จากกรณีที่วานนี้ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเรื่อง พระราชกำหนด(พ.ร.ก.)แก้ไขเพิ่มเติม พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง หรือไม่

โดยวินิจฉัยว่า พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 172 วรรคหนึ่ง และให้พ.ร.ก.แก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามกรทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ไม่มีผลใช้บังคับมาแต่ต้นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 173 วรรคสาม

ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่จับกุม หรือควบคุมตัวผู้ต้องหา ยังต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดใน พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว คือ ต้องบันทึกภาพและเสียงขณะจับกุมอย่างต่อเนื่อง และแจ้งไปยังหน่วยงานอัยการ หรือฝ่ายปกครองเมื่อได้ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหา

ตนยอมรับว่า ทางตำรวจยังขาดความพร้อมเรื่องอุปกรณ์การบันทึกภาพ เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานกว่า 200,000 นาย แต่มีอุปกรณ์ประมาณ 120,000 ชิ้น และชำรุดเสียหายไปแล้วบางส่วน และยังขาดหน่วยความจำสำหรับจัดเก็บข้อมูลจนกว่าคดีจะสิ้นสุด

จึงได้กำชับให้ผบช. ผู้กำกับการและหัวหน้าสถานี ได้กำกับปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้องเป็นไปตามพระราชบัญญัติ โดยหมุนเวียนใช้อุปกรณ์ที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดภายใต้ข้อจำกัด เช่น การให้สลับเวรกันใช้อุปกรณ์ ใช้คอมพิวเตอร์โรงพักในการจัดเก็บข้อมูลไปก่อน หรือใช้วิธีการแจ้งเหตุการจับกุมต่อหน่วยงานปกครอง อัยการผ่านทางโทรศัพท์หรืออีเมล์แทนระบบอิเล็กทรอนิกส์

ขณะเดียวกัน ในวันนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประชุมร่วมกับกระทรวงยุติธรรม เพื่อเตรียมออกระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายว่าด้วยการบันทึกภาพและเสียงในขณะจับและควบคุมฯ พ.ศ. 2566 ซึ่งระหว่างที่ระเบียบดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ ทางตำรวจก็จะวางแนวทางการปฏิบัติไปก่อนเพื่อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานได้อย่างถูกกฎหมาย

พล.ต.อ ดำรงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะนี้ยังอยู่ระหว่างจัดหาอุปกรณ์เพิ่มเติมทั้งกล้องบันทึกภาพและหน่วยจัดเก็บข้อมูล ยืนยันว่าจะกำชับให้ทุกหน่วยปฏิบัติให้ดีที่สุด ไม่มีการใส่เกียร์ว่างอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ยังไม่พบว่ามีข้อบกพร่องใดที่ผู้ต้องหาจะนำช่องโหว่ของกลไกรัฐนี้ไปต่อสู้ทางคดีได้

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน