ตำรวจไซเบอร์ นำกำลังจับหนุ่มใหญ่ หัวหน้าขบวนการ แฮกเหรียญคริปโต มูลค่าเกือบ 20 ล้านบาท หลังตรวจสอบพบหลักฐานเส้นทางการเงิน ด้านเจ้าตัวยังปฏิเสธ อ้างเป็นเงินโอนมาร่วมลงทุน

เมื่อวันที่ 5 ก.ค. 66 พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ รองผบช.สอท. พล.ต.ต.ไพโรจน์ สุขรวยธนโชติ รอง ผบช.สอท. พล.ต.ต.ชัชปัณฑกานต์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1

สั่งการให้ พ.ต.อ.ภูมิสิษฐ์ ตั้งวิทย์เดชา ผกก.2 บก.สอท.1 บช.สอท. พ.ต.ท.อคร กล่อมกูล สว.กก.2 บก.สอท.1 นำกำลังเข้าจับกุม นายพลาวัฒน์ อายุ 64 ปี บ้านอยู่ซอยพหลโยธิน32 แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม. ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.2010/2566 ลง 29 มิถุนายน 2566

ในความผิด “ร่วมกันเข้าถึงโดยมิชอบซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่มีมาตรการป้องกันการเข้าถึงโดยเฉพาะและมาตรการนั้นมิได้มีไว้สำหรับตนและทำให้เสียหาย ทำลาย แก้ไข เปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มเติมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ซึ่งข้อมูคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น โดยมิชอบโดยเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์สินของผู้อื่นและร่วมกันลักทรัพย์ และฟอกเงิน” จับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าบ้านพัก แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กทม.

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 2 มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ขุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.1 เปิดปฏิบัติการ “ฟ้าสางที่นครชัยศรี” จับกุมผู้ต้องหา 2 คน ที่ร่วมแฮกเหรียญคริปโต สร้างความเสียหายเกือบ 20 ล้านบาท โดยเสียหายถูกผู้ต้องหาหลอกลวงจนเชื่อใจยอมย้ายไปอยู่ด้วยกัน

ในระหว่างที่อยู่ด้วยกันผู้เสียหายได้ส่งมอบข้อมูลรหัสผ่านในกระเป๋าเงินดิจิทัลของตัวเองให้เพราะความเชื่อใจ ต่อมาผู้เสียหายพบว่าอีเมล์ของตนมีการแจ้งเตือนการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลออกจากแพลตฟอร์มไบแนนซ์ ตรวจสอบแล้วพบว่าถูกโอนไปที่แพลตฟอร์มบิทคับมูลค่าประมาณเกือบ 20 ล้าน จึงได้เดินทางมาแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับคนร้าย

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลจนพบว่า มีการโอนสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้เสียหายออกไปจำนวน 20 ครั้ง โดยเส้นทางการเงินทั้งหมดถูกโอนเข้าที่บัญชีของนายพลาวัฒน์ โดยเชื่อว่าเป็นหัวหน้าขบวนการในการหลอกลวง จึงขออนุมัติหมายจับศาลเข้าจับกุมตัว

นอกจากนี้จากการสืบสวนนายพลาวัฒน์ ยังมีพฤติการณ์หลอกลวงผู้เสียหายว่าตนทำธุรกิจกับต่างประเทศ ซึ่งตนสามารถติดต่อกับอดีตผู้นำฟิลิปปินส์ได้เและสร้างความเชื่อถือให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและร่วมลงทุนในธุรกิจของนายพลาวัฒน์ มีมูลค่าความเสียหายมากกว่า 20 ล้าน

เบื้องต้นจากการสอบสวน นายพลาวัฒน์ ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา อ้างว่าเงินที่เข้าบัญชีของตนทั้งหมด เป็นเงินที่ผู้เสียหายร่วมลงทุนธุรกิจต่างประเทศกับตนด้วยความสมัครใจ โดยมิได้มีการแฮกข้อมูลหรือมีเจตนาหลอกลวงแต่อย่างใด ก่อนควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.1 ดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน