สืบนครบาล บุกทลายคลังแสงปืนเถื่อนกลางกรุง รวบ กิ๊บประธานเพื่อน GUN สำคัญเสมอ ผลิตจำหน่ายปืนเถื่อนขายผ่านกลุ่มปิดทางโซเชียล ยึดอาวุธปืน 19 กระบอก
วันที่ 11 ต.ค. 67 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.สมพงษ์ เกตุระติ สว.กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 4 กก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น.
จับกุมตัว นายโชติธนภัทร์ หรือ กิ๊บ ผาลา อายุ 39 ปี ข้อหา “มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ทำ ประกอบ ซ่อมแซม เปลี่ยนลักษณะ สั่ง นำเข้า มี หรือจำหน่ายซึ่งอาวุธปืนหรือเครื่องกระสุนปืนสำหรับการค้า โดยไม่ได้รับอนุญาต” จับกุมได้บริเวณลานจอดรถหน้าอาคาร โครงการเอื้ออาทรลาดกระบัง 2 แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพ
พร้อมของกลาง ปืนบีบีกันแปลง ขนาด.38 จำนวน 5 กระบอก ในรถยนต์โตโยต้า สีขาว ทะเบียนเพชรบูรณ์ อาวุธปืนหักลำไทยประดิษฐ์ ขนาด .38 จำนวน 12 กระบอก อาวุธปืนหักลำไทยประดิษฐ์ จำนวน 2 กระบอก รวมอาวุธปืนทั้งหมด 19 กระบอก
อีกทั้งเครื่องกระสุนปืนขนาด .22 , .38 , .380 , กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 , กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 20 รวมจำนวน 155 นัด , ชิ้นส่วนโม่ปืน จำนวน 9 โม่ , ลำกล้องอาวุธปืน ขนาด .38 จำนวน 12 ลำ ตลอดจนชิ้นส่วนประกอบอาวุธปืนอื่นๆ และอุปกรณ์การแพ็กส่งขาย รวมกว่า 20 รายการ
หลังจากชุดลาดตระเวนออนไลน์สืบนครบาล พบเพจที่จำหน่ายอาวุธปืนเถื่อนและเป็นบุคคลที่เคยมีประวัติคดีเคยถูกจับกุมในความผิดฐานเกี่ยวกับอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน และจำหน่าย ขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัวในชั้นอุทธรณ์ แต่ยังมีพฤติกรรมลับลอบกระทำความผิดเช่นเดิม
จึงได้สืบสวนจนทราบว่าหลบหนีเช่าห้องพักอยู่ที่โครงการเอื้ออาทรลาดกระบัง2 ถนนประชาพัฒนา แขวงทับยาว เขตลาดกระบัง กรุงเทพ โดยนำรถยนต์ โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีขาว มาใช้อำพรางการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่พบ นายโชติธนภัทร์ ขณะกำลังเดินอยู่บริเวณลานจอดรถหน้าอาคาร และสังเกตเห็นว่ามีอาการประหม่าและตกใจผิดปกติ
จึงสอบถามและขอตรวจค้น นายโชติธนภัทร์ รับว่าปัจจุบันยังครอบครองและลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนให้ลูกค้าที่สั่งซื้อทางออนไลน์อยู่ โดยรถฟอร์จูนเนอร์ยืมแม่มาใช้ และมีอาวุธปืนบีบีกันที่เพิ่งไปซื้อและไปประกอบ ดัดแปลงให้สามารถยิงด้วยกระสุนจริงขนาด .38 ได้ พร้อมเครื่องมือซุกซ่อนอยู่บริเวณท้ายกระโปรงหลังรถ
นายโชติธนภัทร์ ให้การว่า ตนเรียนจบชั้นม.6 ผ่านการศึกษานอกโรงเรียน ก่อนหน้านี้ทำงานที่โรงงานผลิตยางรถยนต์ประมาณ 10 ปี ต่อมาปี 2561 ด้วยความที่ชอบปืนจึงลองซื้อปืนลูกซองหักลำมาเก็บไว้ และนำปืนไปโพสต์ขายผ่านเฟซบุ๊ก เพื่อหาเงินไปสั่งซื้อปืนแบลงก์กันดัดแปลงมาใช้แทน เมื่อขายได้จึงสั่งซื้อมาขายอีก จากสั่งทีละกระบอก จนมาสั่งครั้งละ 70 ถึง 100 กระบอก มีรายได้เดือนละ 2-3 แสนบาท
จนมาถูกจับกุมเมื่อปี 2562 เกี่ยวกับจำหน่ายอาวุธปืน ที่ สภ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา รับโทษจำคุก 2 ปี เมื่อพ้นโทษออกมาได้หันมาทำไร่ แต่ก็ยังแอบสั่งซื้ออาวุธปืน ก่อนที่ปี 2564 จะมาถูกจับมีอาวุธปืนไว้ในความครอบครอง ที่ สภ.บึงสามพัน จ.เพชรบูรณ์ รับโทษจำคุก 12 เดือน
หลังพ้นโทษไม่มีงานทำ จึงนำปืนที่ซ่อนอยู่ในบ้าน 1 กระบอก มาโพสต์ขาย จึงถูกจับกุมอีก ที่ สภ.จอหอ จ.นครราชสีมา คดีอยู่ระหว่างประกันตัวชั้นอุทธรณ์
หลังจากได้รับการประกันตัว ไม่รู้จะทำอาชีพอะไรที่จะหาเงินได้เร็ว ประกอบกับมีประสบการณ์ถูกจับบ่อยครั้ง จึงกลับมาลักลอบจำหน่ายอาวุธปืนผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งได้สร้างเฟซบุ๊กขึ้นมาเพื่ออำพราง และตั้งชื่อในลักษณะกลุ่มแทน เพื่อให้สมาชิกที่เคยสั่งซื้อปืนกับตนรู้จัก โดยตั้งตนเป็นประธานกลุ่ม และขายเสื้อผ่านเฟซบุ๊กด้วยในคราวเดียวกัน จนมาถูกจับกุมตัวในครั้งนี้
หลังจากที่ได้ประกันตัวและกลับมาขายปืนอีก เฉลี่ยเดือนละประมาณ 30 ถึง 50 กระบอก ได้กำไรกระบอกละ 1,500 ถึง 2,000 บาท มีรายได้ต่อเดือนประมาณ 60,000 ถึง 100,000 บาท เงินที่ได้มานำมาใช้จ่ายในชีวิต เที่ยว และเปลี่ยนสถานที่พัก เพื่อหลบหนีการจับกุม
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า อาวุธปืนที่ตรวจค้นพบนั้น เป็นต้นตอที่คนร้ายจะนำไปก่อเหตุอาชญากรรมต่างๆ ส่งผลร้ายกับประชาชนผู้บริสุทธิ์ในสังคมได้ ส่วนผู้ที่ลักลอบขายอาวุธปืนนั้นหากซื้อขายอาวุธปืนที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน ผู้ขายมีโทษจำคุกตั้งแต่ 2-20 ปี และปรับตั้งแต่ 4,000-40,000 บาท หากประชาชนมีเบาะแสการลักลอบขายปืน สามารถติดต่อแจ้งมาได้ที่เพจ สืบนครบาล IDMB ได้ตลอดเวลา
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว นายโชติธนภัทร์ ผู้ต้องหาพร้อมของกลางที่เกี่ยวข้องกับคดี นำส่งสน.จรเข้น้อย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป