ผบช.น. แถลงจับยาเสพติดซุกในรถเทรลเลอร์ ยึดยาบ้า 18,200,000 เม็ด ยาไอซ์ 750 กิโลกรัม คนขับรถเผย ได้ค่าจ้างครั้งละ 100,000 -200,000 บาท

วันที่ 24 มี.ค. 2568 พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.พัลลภ แอร่มหล้า รอง ผบช.น พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชยานนท์ มีสติ รอง ผบช.ภ.1 พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1 พล.ต.ต.นฤนาท พุทไธสง ผบก.ภ.จว.พระนครศรีอยุธยา พล.ต.ต.สามารถ พรหมชาติ ผบก.น.6 พ.ต.อ.นริศ ปรารถนาพร รอง ผบก.น.6 พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ผบ.ขกท. พ.อ.พูลศักดิ์ พรประเสริฐ ผบ.สปข.ขกท.ศปก.ทบ.

สืบเนื่องมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม สืบสวนขยายผลผู้ต้องหาในคดียาเสพติดที่เคยถูกจับกุมมาก่อนหน้านี้ จนสืบทราบว่าจะมีขบวนการขนลำเลียงยาเสพติด มาจากพื้นที่บริเวณชายแดนภาคเหนือโดยใช้รถเทรลเลอร์ซุกซ่อนยาเสพติด จึงได้ทำการสืบสวนและสะกดรอยติดตามพฤติกรรมมาอย่างต่อเนื่อง

ต่อมาวันที่ 21 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ได้รับแจ้งว่า ผู้ต้องหาใช้รถเทรลเลอร์ ลำเลียงยาเสพติดในตู้คอนเทนเนอร์ จะใช้เส้นทางผ่านมายังพื้นที่จ.นครสวรรค์ เพื่อจะนำยาเสพติดเข้าไปกระจายส่งต่อในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงได้กระจายกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งเวลาประมาณ 14.10 น. เจ้าหน้าที่พบรถบรรทุกพ่วงตู้คอนเทนเนอร์

โดยมี นายพิษณุ อายุ 38 ปี และนายณัฐวุฒิ อายุ 26 ปี เป็นผู้ขับขี่ ตามที่ได้รับแจ้ง ขับผ่านมาบริเวณถนนเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ต.ตะเคียนเลื่อน อ.เมืองนครสวรรค์ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้น

จากการตรวจค้นพบว่ามีการดัดแปลงช่องลับภายในตู้คอนเทนเนอร์ โดยนำแผ่นเหล็กมากั้นแยกเป็นผนังแยกเป็นห้องอีกชั้นหนึ่ง เพื่อใช้ในการอำพรางและปิดบังเจ้าหน้าที่ขณะขนลำเลียงยาเสพติด

ผลการตรวจค้นพบยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) จำนวน 91 กระสอบๆ ละประมาณ 200,000 เม็ด รวมจำนวนยาบ้าประมาณ 18,200,000 เม็ด

ยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์) จำนวน 30 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 750 กิโลกรัม และวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) จำนวน 10 กระสอบ รวมน้ำหนักประมาณ 300 กิโลกรัม อยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ของรถเทรลเลอร์คันดังกล่าว

จึงทำการจับกุมพร้อมแจ้งข้อข้อหา “ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้าและยาไอซ์) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้าเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนเป็นการทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปและร่วมกันจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภท 2 (เคตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันเป็นการกระทำเพื่อการค้าและเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน”

พร้อมของกลางมูลค่ายาเสพติด ประมาณ 996,000,000 บาท นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง ส่ง บช.ปส. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

นายพิษณุ รับสารภาพว่า เคยขับรถบรรทุกสิบล้อขนส่งสินค้ามาประมาณ 10 ปี และลาออกจากงานมาประมาณ 3 ปี ต่อมาได้รับการว่าจ้างขับรถเทรลเลอร์ให้บรรทุกเครื่องสุขภัณฑ์ไปส่งชายแดนภาคเหนือ จำนวน 3 ครั้ง เพื่อสำรวจเส้นทาง

ต่อมาขับรถบรรทุกน้ำดื่มไปส่งชายแดนภาคเหนือ และขับรถพ่วงเทรลเลอร์ที่ดัดแปลงช่องลับเพื่อซุกซ่อนยาเสพติด โดยรับยาเสพติดจากพื้นที่บริเวณชายแดนทางภาคเหนือมาแล้ว 5 ครั้ง โดยนำยาเสพติดมาเก็บไว้ที่โกดังพื้นที่ภาคกลาง เพื่อกระจายให้ลูกค้าในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล ได้ค่าจ้างครั้งละ ประมาณ 100,000 -200,000 บาท

นายณัฐวุฒิ รับสารภาพว่า เคยขับรถบรรทุก 6 ล้อ (ห้องเย็น) ปัจจุบันไม่ได้ทำงาน ต่อมานายพิษณุ ได้ติดต่อให้มาช่วยขับรถเทรลเลอร์ไปที่ชายแดนทางภาคเหนือ โดยตนพึ่งมาขนยาเสพติดเป็นครั้งแรก ส่วนเงินค่าจ้างนั้นยังไม่ได้รับเนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมก่อน

พล.ต.ท.สยาม ผบช.น. ได้แถลงผลงานของกก.สส.บก.น.9 ที่ทำการสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด เครือข่าย “โอ บางบัวทอง” เพื่อทำลายแหล่งพักยาเสพติดในพื้นที่รับผิดชอบให้ได้ผลอย่างเป็นรูปธรรม และสกัดกั้นการลำเลียงยาเสพติด(ยาบ้า) ลงสู่พื้นที่ภาคใต้

โดยตรวจยึดยาบ้าที่อำพรางมาในรูปแบบกล่องพัสดุ จำนวน 6 กล่อง จำนวน 600,000 เม็ด และตรวจค้นโกดังได้ยาบ้าเพิ่มอีกจำนวน 60,000 อยู่ระหว่างนำส่งลงไปในพื้นที่ภาคใต้

จากการสืบสวนทราบว่าเครือข่าย “โอ บางบัวทอง” มีพฤติกรรรมจำหน่ายยาเสพติดอยู่ที่หมู่บ้านหรู ย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี โดยจะนำยาเสพติดบรรจุซุกซ่อนในกล่องพัสดุสินค้า เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่และเรียกให้บริษัทรับจ้างขนส่งสินค้ามารับรับไป ซึ่งในวันที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจค้น “นายโอ” ไหวตัวหลบหนีออกจากบ้านไปก่อน

จึงได้สืบสวนขยายผลพบว่า นายโอ ได้เช่าโกดังสินค้าไว้อยู่ภายใน ซอยเปาอินทร์ 5 ต.คลองข่อย อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อลำเลียงยาเสพติดมาแล้ว จะนำมาซุกซ่อนไว้เพื่อรอแพ็คบรรจุซุกซ่อนลงไปในกล่องพัสดุสินค้าภายในโกดังสินค้า เพื่อทำให้คล้ายกับว่าเป็นสินค้าทั่วไป โดยเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขออนุมัติต่อศาลออกหมายจับ นำตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน