นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยยังมีตัวช่วยทั้งการท่องเที่ยว การบริโภคในประเทศและโดยเฉพาะการลงทุนภาครัฐ ซึ่งรัฐบาลต้องเร่งลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทั้งระบบขนส่งมวลชน โครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่จะก่อให้เกิดการท่องเที่ยวใหม่ๆ ทั้งยังอาจดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ๆ เข้าประเทศได้ด้วย ในขณะที่ภาคอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ บ้านเดี่ยว บ้านแฝดและทาวน์เฮาส์ ยังมีความต้องการของตลาด จากเรียลเซ็กเตอร์ คนหนุ่มสาว ทำให้ยอดขายใหม่ยังเติบโตได้ 3-5% ในทิศทางเดียวกับการเติบโตของเศรษฐกิจ (จีดีพี)

ในขณะที่ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งได้รับผลกระทบจากมาตรการแอลทีวี ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ประกอบกับตลาดหุ้นผันผวน ทำให้นักลงทุนรายย่อยน้อยลง เหลือแต่ผู้ลงทุนประเภทกองทุน และนักลงทุนต่างประเทศเป็นหลัก ทำให้มองว่าตลาดคอนโดมิเนียมในสิ้นปียอดขายใหม่อาจติดลบได้ 20-30% ส่วนนโยบายขึ้นค่าแรง 400 บาท หากรัฐบาลผลักดันจริง จะกระทบต้นทุนของบริษัท 0.7-0.8% แต่อย่างไรก็ดี ถ้าอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มปรับลง 0.25% จะสามารถนำมาชดเชยได้บางส่วนและบางส่วนต้องอาศัยการบริหารต้นทุนในส่วนอื่น แทนการปรับขึ้นราคาบ้านแทน เพื่อรักษาขีดความสามารถในภาวะที่การแข่งขันรุนแรง

สำหรับเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลใหม่ต้องผลักดันคือ การหารือธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อทบทวนมาตรการแอลทีวี หลังตลาดได้รับผลกระทบจากมีการดำเนินมาตรการมาแล้ว 1 ไตรมาส เนื่องจากมองว่าปัจจุบันผู้เก็งกำไรในตลาดอสังหาริมทรัพย์น้อยลงมากแล้ว เหลือแต่ผู้ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยจริง ซึ่งได้รับผลกระทบอยู่ในขณะนี้ โดยในส่วนของลูกค้าบริษัทในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการถูกปฏิเสธสินเชื่อสูงถึง 20% จากเดิมอยู่ที่ 10%

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงแผนการดำเนินธุรกิจปีนี้ด้วยการเปิดโครงการใหม่รวม 9 โครงการ รวมมูลค่า 5,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกเปิดไปแล้ว 4 โครงการ มูลค่ารวม 2,500 ล้านบาท และมียอดขายแล้ว 3,100 ล้านบาท จากเป้าหมายทั้งปีที่ 5,600 ล้านบาท ซึ่งมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย จากกลยุทธ์การบริหารที่มาถูกทาง ซึ่งครึ่งปีหลังจะมีอีก 5 โครงการใหม่ที่จะเปิดขาย โดยหนึ่งในนั้นจะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยใน จ.ระยอง พื้นที่อีอีซี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน