นายอามาร์ ลาลวานี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม สแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ เดอะ สแตนดาร์ด แบรนด์โรงแรมจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ภายหลังจากบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เข้าถือหุ้นในสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งเป็นโรงแรมลักชัวรี่ ไลฟ์สไตล์ ทำให้ทางกลุ่มมีความพร้อมที่จะเติบโตไปกับตลาดนานาชาติ โดยวางเป้าหมายภายใน 5 ปี จากนี้จะเปิดโรงแรมเดอะสแตนดาร์ดรวม 25 แห่งทั่วโลก ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ซึ่ง 90% จะอยู่นอกสหรัฐเมริกา และ 2 ใน 3 จะอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ประกอบกับจากการคาดการณ์ตลาดโรงแรมทั่วโลกจะมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวด้วยอัตรารายได้เฉลี่ยต่อปีเพิ่มขึ้นประมาณ 7% ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยเฉพาะลักชัวรี่ไลฟ์สไตล์โฮเทล ที่เติบโตเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับในกลุ่มธุรกิจโรงแรมด้วยกัน นอกจากนี้ พฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ในเอเชียจะใช้จ่ายไปกับการซื้อประสบการณ์ด้านการท่องเที่ยวมากกว่าซื้อของสะสม
ทั้งนี้ ปัจจุบันโรงแรมเดอะสแตนดาร์ดที่เปิดให้บริการแล้วรวม 5 แห่ง ใน สหรัฐอเมริกา โดยอัตราการเข้าพักเฉลี่ย 90% และในปีนี้เตรียมจะเปิดอีก 2 แห่งแรก นอกสหรัฐอเมริกา ประกอบด้วยลอนดอน และมัลดีฟ ในเดือนก.ย. และ ต.ค.นี้ ตามลำดับ นอกจากนี้ ยังมีอีก 12 แห่ง ที่ทั้งเซ็นสัญญารับบริหารแล้วและมีแผนการลงทุนแล้วเช่นกัน ทั้งในประเทศไทย, ปารีส, ลิสบอน, เม็กซิโกซิตี้, ชิคาโกและจาการ์ตา เป็นต้น
ทางด้านนายศุภกรณ์ เวชชาชีวะ กรรมการบริหารและที่ปรึกษาอาวุโส บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) และกรรมการบริหารสแตนดาร์ด อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ในส่วนของโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด ในประเทศไทยที่ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งในรูปแบบการรับบริหารโรงแรมให้กับเจ้าของอสังหาฯ และการลงทุนของแสนสิริเองรวม 5 แห่ง ซึ่งจะทยอยเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2563-2566 โดยเริ่มจากโรงแรมเดอะสแตนดาร์ด เกาะสมุย บริเวณหาดแม่น้ำ จำนวน 87 ห้อง ส่วนที่หัวหินซึ่งแสนสิริ ได้เช่าพื้นที่บริเวณใกล้โรงแรมเซ็นทาร่า แกรนด์ บีช รีสอร์ทแอนด์วิลล่า หัวหิน (โรงแรมรถไฟหัวหิน) 169 ห้อง กำหนดเปิดในปี 2564 นอกจากนี้ ในพื้นที่ติดกันแสนสิริ ยังเตรียมพัฒนาโครงการเพื่อขายในรูปแบบที่อยู่อาศัยเพื่อการลงทุน ซึ่งจะเปิดการขายในปีหน้า
นอกจากนี้ ล่าสุดยังได้เซ็นสัญญาบริหารโรงแรมให้กับโรงแรมอันดามัน ไวท์บีช รีสอร์ต หาดในหาน จ.ภูเก็ต ขนาด 260 ห้อง ตลอดจนพัทยา 293 ห้อง และกรุงเทพฯ บริเวณซอยทองหล่อ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะแสนสิริจะลงทุนเอง หรือรับบริหารให้กับเจ้าของอสังหาฯ
