คลังลอยแพอสังหาฯ ไม่ออกมาตรการกระตุ้นอีกแล้ว มั่นใจผู้ประกอบการรับมือได้ ยังขยายตัวดี ร่วมมือแบงก์ชาติตรึงมาตรการปล่อยสินเชื่อ จี้ให้ปรับตัวเอง

ไม่ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ – นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีความสำคัญกับระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย แต่ขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคอสังหาริมทรัพย์เพิ่มเติม เพราะถือว่าที่ผ่านมาภาคธุรกิจยังขยายตัวและปรับตัวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวได้เป็นอย่างดี

“ภาคอสังหาริมทรัพย์มันก็เป็นอย่างนี้ แต่มันก็จะขยายตัวต่อไปได้ มันอาจจะชะลอตัว หรืออ่อนตัวลงไปบ้าง ตามสภาพ เป็นเรื่องปกติ” นายอุตตม กล่าว

นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมา ได้หารือกับสมาคมธนาคารไทย ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหมด และได้สอบถามถึงการปล่อยกู้ภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งธนาคารพาณิชย์ยอมรับว่าได้ผลกระทบจากมาตรการคุมสินเชื่อภาคอสังหริมทรัพย์ (แอลทีวี) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แต่ลูกค้าสามารถปรับตัวและเข้าใจถึงมาตรการที่ออกมา ทำให้การปล่อยกู้เริ่มขยับตัวดีขึ้น

“เรื่องของมาตรการแอลทีวี ของธปท. ในความเห็นส่วนตัวเชื่อว่าธปท. มีเหตุผลที่เหมาะสม มีความกังวลแล้วออกมาตรการนี้ออกมา แต่ผู้ประกอบการก็ปรับตัวได้ดี จากไตรมาส 1/2562 ถึงไตรมาส 2/2562 จึงมีการปรับตัวดีขึ้น เชื่อว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวได้ดี” นายอุตตม กล่าว

นายอุตตม กล่าวว่า อีกสาเหตุหนึ่งที่ยังไม่เป็นจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ออกมา เพราะรัฐบาลเพิ่มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร่งด่วนวงเงิน 3.16 แสนล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินเริ่มเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว ยืนยันว่าไม่ใช่การหว่านเงิน แต่จะทำให้การขยายตัวของเศรษฐกิจทั้งปีดีขึ้นและทั้งปีได้ 3% ตามที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการคลัง คาดการณ์ล่าสุด ซึ่งจะส่งผลดีกับภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปด้วย

ทั้งนี้ เศรษฐกิจไทยมีการชะลอตัวอย่างมาก จึงต้องออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นคนในประเทศและนักลงทุนต่างประเทศไม่ให้ลดต่ำไปมากกว่านี้ เพราะหากโชคดีเศรษฐกิจโลกปีหน้ากลับมาขยายตัวดี และเศรษฐกิจไทยปีนี้พยุงไว้ที่ 3% ได้ จะทำให้เศรษฐกิจปีหน้าขยายตัวได้ต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าจากการพบปะกับนักลงทุนญี่ปุ่นมีความเชื่อมั่นที่เปลี่ยนไปมาก จาก 6 เดือนก่อนหน้านี้มีความมั่นใจเศรษฐกิจไทย แต่ล่าสุดกลับเริ่มไม่มีความมั่นใจเศรษฐกิจไทย เพราะกังวลเศรษฐกิจไทยที่ได้ผลกระทบจากเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองภายในประเทศ ซึ่งได้ให้ความมั่นใจกับนักลงทุนญี่ปุ่นว่า รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง มีพรรคร่วมถึง 19 พรรค มากที่สุดในประเทศไทย สามารถบริหารประเทศได้เดินหน้าต่อไปได้ เพราะทุกคนรู้จักกันมานานแล้ว พูดคุยกันได้ มีทิศทางและนโยบายร่วมกัน เพื่อที่จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวกลับมาขยายตัวได้ปกติเร็วที่สุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน