ทายาทเจ้าพ่อเนสกาแฟลุยแผนลงทุนอสังหาฯ ส่งคอนโดฯเดอะเนสท์ จุฬาฯ-สามย่าน เริ่มต้นแค่ 2.8 ล้านบาท

เปิดคอนโดฯเดอะเนสท์จุฬาฯ-สามย่าน – น.ส.อุษณา มหากิจศิริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะเนสท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในกลุ่มบริษัท พี.เอ็ม. กรุ๊ป ของนายประยุทธ มหากิจศิริ ฉายาเจ้าพ่อเนสกาแฟ เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอยู่ในขณะนี้โดยจะเห็นได้จากการจับจ่ายของผู้บริโภคตามห้างสรรพสินค้าน้องลง แต่คาดหวังว่าปี 2563 จะมีทิศทางดีขึ้น โดยในส่วนของการดำเนินงานของบริษัทยังคงแผนต่อยอดการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เดอะเนสท์ ซึ่งเน้นทำเลในเมือง โดยมีแนวทางการพัฒนาสินค้าในราคาที่จับต้องได้ที่ระดับราคา 3-5 ล้านบาท เริ่มต้น 3-5 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าคนทำงานในเมืองที่มองหาบ้านหลังที่สอง นอกจากนี้ ที่ดิน ทำเล และราคา จะต้องทำให้ผู้ซื้อมีกำไรในอนาคตด้วย เนื่องจากกลุ่มลูกค้าส่วนหนึ่งเป็นกลุ่มนักลงทุน

โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวโครงการเดอะเนสท์ จุฬาฯ-สามย่าน เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น บนเนื้อที่ 2.4 ไร่ บริเวณซอยจินดาถวิล ถ.พระราม 4 เยื้องโครงการสามย่านมิตรทาวน์ ประกอบด้วยอาคารชุดพักอาศัย 2 อาคาร รวมห้องชุด 332 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,600 ล้านบาท มีห้องพักอาศัย 2 แบบ เริ่มที่ 1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 21.14-36.91 ตร.ม และแบบ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 47.35-49.39 ตร.ม. พื้นที่จอดรถ 40% ราคาเริ่มต้นที่ 2.8-7 ล้านบาท หรือราคาต่อตร.ม. 130,000-140,000 บาท โดยจะเปิดขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 26-27 ต.ค.นี้ ที่สำนักงานขาย อาคารบีบีดี สามย่าน คาดหวังว่าจะปิดการขายได้ 50% ภายในสิ้นปีนี้ ส่วนงานก่อสร้างจะเริ่มได้ในไตรมาส 1 ปีหน้า และแล้วเสร็จในไตรมาส 4 ปี 2564

“โครงการ เดอะเนสท์ จุฬาฯ-สามย่าน เน้นลูกค้าเป้าหมาย ผู้ที่อยู่อาศัยในย่านเดิม ซื้อเก็บไว้ให้ลูกหลาน กลุ่มผู้ปกครองโรงเรียน มหาวิทยาลัย กลุ่มคนทำงานในโซนสามย่าน กลุ่มผู้ประกอบการค้าขายในพื้นที่ พระราม 4 สี่พระยา บรรทัดทอง ตลอดจนกลุ่มนักลงทุนทั้งในและนอกพื้นที่ รวมถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยคาดว่าจะให้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าเฉลี่ย 6% ต่อปี หรืออัตราค่าเช่าระหว่าง 18,000-20,000 บาท”

น.ส.อุษณา กล่าวอีกว่า บริษัท พี.เอ็ม. กรุ๊ป ยังมีที่ดินเกือบ 6 ไร่ บริเวณถนนพระราม 4 เยื้องโครงการวันแบงคอก ซึ่งเป็นที่ดินของครอบครัว ปัจจุบันยังไม่เร่งรีบนำมาลงทุน เนื่องจากต้องการรอดูทิศทางการพัฒนาของโครงการบริเวณโดยรอบก่อน แต่ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาเป็นมิกซ์ยูส รวมถึงยังอยู่ระหว่างการมองหาที่ดินแปลงใหม่เพื่อรองรับการขยายการลงทุนในปีหน้าด้วยเช่นกัน ซึ่งบริษัทเปิดโอกาสให้ผู้สนใจเข้าลงทุนร่วมกันด้วย เพื่อให้บริษัทมีศักยภาพในการขยายโครงการมากขึ้นกว่า 1 โครงการต่อปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน