นายรังสี ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตผู้ผลิตอิฐมวลเบา ประหยัดพลังงาน เบอร์ 5 เปิดเผยว่า แนวโน้มรายได้ของบริษัทในปี 2563 เชื่อมั่นว่าจะทำได้ 470-480 ล้านบาท หรือเติบโต 5% จากปี 2562 ที่ทำได้ 466.82 ล้านบาท แม้ว่าจะเผชิญสถานการณ์ยากลำบากจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยบริษัทได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาด ด้วยการเพิ่มช่องทางจำหน่ายออนไลน์ พร้อมกับมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดโดยเฉพาะจับกลุ่มลูกค้ารายย่อยเพิ่มมากขึ้น เช่นล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์อิฐมวลเบาประเภทตกแต่ง ซึ่งนอกจากจะทำกำไรได้ดีกว่าอิฐมวลเบาทั่วไปที่มีการแข่งขันสูงด้านราคาแล้ว ยังสามารถทำกำไรได้ดีกว่าด้วย รวมถึงยังเป็นการขยายกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้กว้างขึ้น โดยที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวกับกลุ่มสถาปนิกแล้ว ยังขยายช่องทางการจำหน่ายไปยังร้านจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและโมเดิร์นเทรด อย่าง ดูโฮม โกลบอลโฮ้าส์ และไทวัสดุ รวมถึงเตรียมที่จะวางจำหน่ายในเมกา โฮม ศูนย์รวมของใช้ในบ้าน วัสดุก่อสร้าง ในเครือโฮมโปร โดยคาดหวังจะมีสัดส่วนยอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 7% จาก 5% ในสิ้นปีที่แล้ว และมีอัตราการเติบโต 40% ใกล้เคียงปีก่อน

อย่างไรก็ดี สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลต่อภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกมีความผันผวน รวมถึงยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศไทย ซึ่งประเมินว่าในช่วงเวลาที่เหลือของปีนี้ หากภาครัฐมีการพัฒนาวัคซีนป้องกันได้เชื่อว่าจะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน รวมถึงนักลงทุนให้กลับมาลงทุนต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานก่อสร้างของเอกชน ซึ่งภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้าง-อิฐมวลเบาในประเทศครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทประเมินว่า มีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดภายในประเทศไม่เกิดขึ้นอีก ทำให้การลงทุนของผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ และการลงทุนของภาครัฐเดินหน้าและพัฒนาโครงการต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากนโยบายระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ผลักดันให้เกิดการลงทุนก่อสร้างนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน โครงการเมกะโปรเจคขนาดใหญ่ของภาครัฐ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน