นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ หลังสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย และภาครัฐเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ พบว่ามีลูกค้าเข้ามาชมโครงการทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นมาใกล้เคียงกับภาวะปกติแล้ว เนื่องจากผู้ที่คิดจะซื้อที่อยู่อาศัยมีเวลาในการศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดในช่วงล็อกดาวน์ โดยเฉพาะในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. ตัวเลขยอดเยี่ยมชมโครงการสูงขึ้นมาก ส่งผลให้ยอดขายโดยรวมปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะแนวราบเติบโตเป็นบวก ยกเว้นโครงการในจ.ภูเก็ต ที่ค่อนข้างเงียบ เนื่องจากลูกค้าในภูเก็ตกว่า 30% จะมีอาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจโรงแรม ทำให้มีการชะลอโอนกรรมสิทธิ์เกิดขึ้น จึงต้องมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ

สำหรับแผนการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 2563 บริษัทจะกลับมาเปิดโครงการใหม่ทั้งโครงการแนวราบและคอนโดมีเนียมเพิ่มขึ้นจากครึ่งปีแรก เพื่อผลักดันยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ 26,000 ล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกบริษัทมียอดขายแล้ว 12,000 ล้านบาท ซึ่งช่วงจากนี้ไปจะมียอดขายจากโครงการที่เพิ่งเปิดตัวไปอย่าง ศุภาลัย ลอฟท์ สาทร-ราชพฤกษ์ อินเตอร์เชนจ์ บางหว้า ราคาขายเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท ที่ล่าสุดมียอดขายแล้ว 70% และโครงการใหม่ที่จะทยอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ในขณะที่เป้าหมายรายได้ในปีนี้วางไว้ที่ 24,000 ล้านบาท ซึ่งช่วงครึ่งปีหลังจะมีคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จเตรียมโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าเข้าอยู่คิดเป็นมูลค่า 7,000-8,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากโครงการบ้านแนวราบ 80% อีก 20% เป็นคอนโดมิเนียม ทั้งนี้ หากครึ่งปีหลังลูกค้าต่างชาติสามารถกลับมารับโอนคอนโดมิเนียมได้เร็วก็จะส่งผลดีต่อการรับรู้รายได้คอนโดมิเนียมในสัดส่วนที่มากขึ้น

โดยล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการ ศุภาลัย พรีมา วิลล่า ปิ่นเกล้า-พุทธมณฑล สาย 2 เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนขนาดที่ดิน 100 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 233 ตร.ม. ขึ้นไป ราคาตั้งแต่ 12.9-27.9 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนเปิดตัวบ้านเดี่ยวแบรนด์ใหม่ในระดับราคา 4-6 ล้านบาทด้วย

อย่างไรก็ดี ยอมรับว่ามีความกังวลในกลุ่มของลูกค้าที่อยู่ในอาชีพโรงแรม และเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจสายการบิน ซึ่งบริษัทไม่สามารถทิ้งลูกค้ากลุ่มนี้ได้ โดยที่ผ่านมาได้มีการช่วยเหลือและผ่อนปรนลูกค้า แต่พบว่าแนวโน้มการโอนกรรมสิทธิ์อาจไม่เป็นไปเป้าหมาย เพราะธนาคารยังเข้มงวดการปล่อยสินเชื่อ และลูกค้าบางส่วนขอยกเลิกการโอน แม้ตัวเลขไม่มาก แต่ต้องเฝ้าระวัง โดยเฉพาะเศรษฐกิจยังหดตัวและอัตราว่างงานเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทต้องโหมแคมเปญการตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบให้กับลูกค้า

ทั้งนี้ หากเป็นไปได้อยากให้รัฐบาลปลดล็อกมาตรการควบคุมสินเชื่อ หรือแอลทีวี ซึ่งจะทำให้ได้ลูกค้ากลับคืนมาทันที 10% รวมถึงการยกเลิกเพดานราคาบ้านในมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนและจดจำนอง เนื่องจากราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 30% ของตลาดรวม ที่เหลืออีก 70% รัฐบาลยังไม่ได้สนับสนุน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน