นางประวีรัตน์ เทวอักษร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วิลล่า คุณาลัย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ช่วงล็อกดาวน์จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 บริษัทมียอดลูกค้าเข้าชมโครงการสูงมากเป็นประวัติการณ์ และมีผลทำให้ครึ่งปีแรก 2563 บริษัทมียอดขาย 759 ล้านบาท จากปกติยอดขายในไตรมาส 2 จะชะลอตัวเนื่องจากมีวันหยุดยาวและเข้าสู่ฤดูฝน แต่ปรากฎว่าปีนี้ยอดขายไตรมาส 2 สูงถึง 505 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสแรกที่มียอดขาย 254 ล้านบาท และส่งผลให้บริษัทสามารถปิดการขายได้ 3 โครงการ โดยปัจจุบันอยูระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าเข้าอยู่ ทำให้ในปีนี้บริษัทได้ตั้งเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 1,300 ล้านบาท ขณะที่ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้ไม่น้อยกว่า 750 ล้านบาท หรือเติบโต 15% จากปีที่แล้ว ซึ่งถือเป็นการตั้งเป้าหมายรายได้บนสมมติฐานที่แย่ที่สุดกรณีลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่อ 50% เนื่องจากเหตุการณ์โควิด-19 อาจทำให้ธนาคารเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น และถือว่าสูงกว่าสถานการณ์ปกติซึ่งจะมียอดลูกค้าถูกปฏิเสธสินเชื่ออยู่ที่ 20% รวมถึงในปีนี้บริษัทเริ่มมีการรับรู้รายได้จากโครงการที่อยู่นอกทำเลบางใหญ่ จ.นนทบุรี ประมาณ 15% ด้วย

“ช่วงล็อกดาวน์ลูกค้ามีเวลามากขึ้นในการหาข้อมูลในการซื้อบ้าน ประกอบกับช่วงล็อกดาวน์อาจจำเป็นต้องอยู่ด้วยกันแล้วเปิดความรู้สึกว่าพื้นที่อยู่อาศัยคับแคบ ทำให้อยากอยู่อาศัยในพื้นที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันบริษัทมีการทำการการตลาดด้วยการสื่อสารกับลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 1 ในเชิงเปรียบเทียบพื้นที่ใช้สอยที่กว้างในงบประมาณไม่เกิน 3 ล้านบาท แต่ทำเลอยู่ห่างจากใจกลางเมืองออกไปหน่อยซึ่งก็เข้ากับกระแสโควิด-19 พอดี ทำให้ลูกค้าเข้ามาดูโครงการจำนวนมาก และตัดสินใจได้ง่ายขึ้นด้วยเนื่องจากบ้านคุณาลัยสามารถตอบโจทย์เรื่องของความคุ้มค่า”

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัท มี 5 โครงการที่อยู่ระหว่างการขาย ประกอบด้วย คุณาลัยคอร์ทยาร์ด เฟส 2 เป็นอาคารพาณิชย์ 32 ยูนิต มูลค่า 125 ล้านบาท โครงการคุณาลัย จอย บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดรวม 229 ยูนิต มูลค่ารวม 826 ล้านบาท ล่าสุดเหลือยอดขายกว่า 10 ยูนิต รวมถึงยังอยู่ระหว่างทยอยโอนให้ลูกค้า และโครงการคุณาลัย จอย ออน 314 ซึ่งเป็นโครงการแรกที่บริษัทเข้าไปเปิดโครงการใน จ.ฉะเชิงเทรา และถือเป็นการขยายสู่ทิศที่ 2 ตามกลยุทธ์ของบริษัทที่มุ่งจะขยายการพัฒนาโครงการให้ครบทั้ง 4 ทิศของกรุงเทพฯ โดยพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 132 ยูนิต มูลค่ารวม 482 ล้านบาท เพิ่งเปิดการขายปลายปี 2562 ปัจจุบันมีลูกค้าทยอยเข้าอยู่แล้ว 30 หลัง ซึ่งถือว่าพอใจเนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เข้าไปทำตลาด

ขณะที่อีก 2 โครงการที่เร่งเปิดการขายในช่วงที่มีการล็อกดาวน์จากสถานการณ์โควิด-19 เนื่องจากลูกค้าให้ความสนใจซื้อค่อนข้างมาก ประกอบด้วยโครงการคุณาลัยบีกินส์ 2 เป็นทาวน์โฮม 2 ชั้น ราคาเริ่มต้น 1.79 ล้านบาท รวม 363 ยูนิต มูลค่ารวม 841 ล้านบาท พร้อมกับเปิดการขายโครงการคุณาลัย พรีม เป็นบ้านแฝดและบ้านเดี่ยว ราคาเฉลี่ย 3.65 ล้านบาท รวม 411 ยูนิต มูลค่ารวม 1,500 ล้านบาท ซึ่งโดยเฉพาะบ้านแฝดค่อนข้างขายดีมากมียอดขายและโอนแล้ว 70 ยูนิต ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่เข้ามาชมโครงการในช่วงล็อกดาวน์และทำให้ยอดเติบโตอย่างก้าวกระโดด นอกจากนี้ หลังคลายล็อกดาวน์ยอดขายก็ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง

สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2564 บริษัทเตรียมเปิดตัวแบบบ้านโฉมใหม่ ซึ่งตามแผนจะเริ่มเปิดในปีนี้แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด ทำให้ต้องเร่งเปิดการขายให้ทันความต้องการของลูกค้า รวมถึงบริษัทจะมีการขยายทำเลการพัฒนาบ้านแนวราบสู่ทิศที่ 3 ของกรุงเทพฯ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาซื้อที่ดินและออกแบบผังโครงการ ตลอดจนจะขยับไปทำบ้านแนวราบในตลาดพรีเมียมด้วย เพื่อให้ครอบคลุมในทุกกลุ่มเป้าหมาย

ขณะที่ภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบในครึ่งปีหลัง มองว่าความต้องการซื้อบ้านแนวราบเพื่อความจำเป็นในการอยู่อาศัยยังมีต่อเนื่อง ส่วนสำคัญมาจากโควิด-19 มีส่วนให้เกิดผลกระทบกับวิถีชีวิตของผู้บริโภคในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่เปลี่ยนไปจากเดิมไม่เพียงระยะสั้น แต่ส่งผลถึงในระยะยาวแล้ว ดังนั้นสินค้าบ้านแนวราบยังเป็นที่ต้องการ เพียงแต่ว่าสินค้าที่จะตอบโจทย์ผู้บริโภค ซึ่งบริษัทพบว่าจะอยู่ในระดับราคา 2-3 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นบ้านหลังที่ 1 หรือหลังที่ 2 ก็ตาม เนื่องจากผู้บริโภคยังพอมีกำลังในการผ่อนชำระในสถานการณ์ขณะนี้ได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน