น.ส.เพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการเมทริส คอนโดมิเนียมระดับราคาเฉลี่ย 100,000-150,000 บาท/ตร.ม. ว่า บริษัทเปิดขายเป็นครั้งแรกเมื่อปี 2560 ประเดิมด้วย 3 โครงการแรกใน 3 ทำเล มูลค่ารวมกว่า 4,630 ล้านบาท โดยจุดเด่นนอกจากทำเลใกล้รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายแล้ว ยังเป็นคอนโดที่สามารถเลี้ยงสัตว์เล็กได้ด้วย รวมถึงยังมีพื้นที่ส่วนกลางมากกว่า 10 จุด ซึ่งออกแบบให้กระจายอยู่ในอาคาร โดยทั้ง 3 โครงการ ประกอบด้วยเมทริส พระราม 9-รามคำแหง มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 33 ชั้น จำนวนห้องชุดรวม 570 ยูนิต โดยมีทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ขนาด 30-59 ตร.ม. ราคาเริ่มต้น 3.1 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วเกือบ 80% ส่วนงานก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงานตั้งแต่ไตรมาส 1 และลูกค้าทยอยโอนห้องมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังพบว่ามีบางส่วนปล่อยเช่าและได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 4.5-5% หรืออัตราค่าเช่าต่อเดือนเริ่มที่ 13,000 บาท ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นยอดขายบริษัทได้จัดแคมเปญราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท พร้อมแถมบัตรกำนัลเฟอร์นิเจอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า มูลค่ารวม 100,000 บาท
ส่วนโครงการเมทริส ลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 980 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม สูง 29 ชั้น ห้องชุดรวม 193 ยูนิต แบบ 1 และ 2 ห้องนอน ขนาด 30-66 ตร.ม. ราคาขายเริ่มที่ 3.88 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมอยู่ และมีอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า 4.2% ขณะที่ยอดขายคืบหน้าไปแล้ว 70% พร้อมจัดโปรโมชั่นราคาพิเศษเริ่มที่ 2.88 ล้านบาท และโครงการเมทริส พัฒนาการ-เอกมัย มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท เป็นอาคารสูง 29 ชั้น ห้องชุดรวม 341 ยูนิต ประกอบด้วยห้องพักแบบ 1 ห้องนอนและ 2 ห้องนอน ขนาด 29-61 ตร.ม. ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 50% ส่วนการก่อสร้างจะแล้วเสร็จในไตรมาส 1 ปี 2564 ทั้งนี้บริษัทได้จัดแคมเปญโปรโมชั่นราคาเริ่มต้น 2.69 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาช่วงเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2560
อย่างไรก็ดี บริษัทเชื่อมั่นว่าผู้บริโภคยังมีความต้องการซื้อคอนโดมิเนียมเพื่ออยู่เองก็ดี และผู้สนใจซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า ก็ถือเป็นจังหวะที่ดี เนื่องจากราคามีความน่าสนใจ ขณะเดียวกันจากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีการแข่งขันราคาสูง ทำให้บริษัทให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยง โดยระมัดระวังเรื่องการลงทุน และรักษาสภาพคล่องทางการเงินให้อยู่ในระดับสูง เพราะไม่แน่ใจว่าสถานการณ์ข้างหน้าอาจมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นอีก เหมือนสถานการณ์โควิด-19
