นายปรีชา กุลไพศาลธรรม นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์นนทบุรี เปิดเผยว่า ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้คาดการณ์ว่ายอดรับรู้รายได้ของผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ใน จ.นนทบุรี ลดลงราว 20% ขณะเดียวกันพบว่าภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมใน จ.นนทบุรี นับตั้งแต่ปี 2558-2562 มีปริมาณการเปิดตัวสะสมอยู่ที่ 26,326 ยูนิต และในปี 2563 มียอดเหลือขายรวมกับยอดเปิดตัวใหม่สะสมเป็น 10,000 ยูนิต โดยระหว่างปีคาดว่าจะมีอัตราการขายได้ประมาณ 4,000 ยูนิต ทำให้ที่เหลืออีก 6,000 ยูนิต จะถูกนำไปขายต่อเนื่องในปี 2564 ซึ่งหากไม่มีคอนโดมิเนียมเปิดตัวใหม่เกิดขึ้นในปีหน้า ก็คาดว่าคอนโดมิเนียมในจ.นนทบุรี จะถูกขายไปได้ทั้งหมด ส่วนระดับราคาพบว่ามากกว่า 80% ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 40,000-60,000 บาท/ตร.ม. และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ราคาเปิดตัวใหม่ปรับตัวสูงขึ้นราว 9% ซึ่งเป็นผลจากราคาที่ดินที่ปรับสูงขึ้นตามความก้าวหน้าของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยาย

ส่วนตลาดบ้านแนวราบ ตั้งแต่ปี 2559 มีปริมาณบ้านใหม่เข้าสู่ตลาดมาต่อเนื่อง เพราะเป็นปีที่รถไฟฟ้าสายสีม่วง และทางด่วนศรีรัช-วงแหวนฯ เปิดให้บริการ โดยกว่า 60% เป็นตลาดทาวน์โฮม โซนบางบัวทอง-บางใหญ่ ราคา 2-3 ล้านบาท อีกทั้งราคาเปิดตัวใหม่สูงขึ้นเฉลี่ย 3% ต่อปี

ส่วนที่เหลือเป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด โดยระดับราคาที่เปิดขายมากที่สุดอยู่ที่ 3-5 ล้านบาท แต่ทั้งนี้ พบว่าบ้านเดี่ยวที่เปิดตัวใหม่มีราคาลดลงเฉลี่ย 8% ต่อปี ส่วนหนึ่งเกิดจากผู้ประกอบการทำบ้านเล็กลงเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังซื้อผู้บริโภค ส่วนบ้านแฝด พบว่าราคาเพิ่มขึ้น 5% ต่อปี

“ปัจจุบันปริมาณโครงการที่อยู่อาศัยใน จ.นนทบุรี มีปริมาณเหลือขายรวมราว 15,795 ยูนิต เป็นคอนโดฯ 7,080 ยูนิต และแนวราบ 8,715 ยูนิต แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 5,778 ยูนิต บ้านเดี่ยว 1,978 ยูนิต และบ้านแฝด 959 ยูนิต อย่างไรก็ดี เปรียบเทียบสถานการณ์ลูกค้าเข้ามาดูบ้านในโครงการพบว่าลดลงมาตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ในช่วงล็อกดาวน์ มีหลายโครงการทำการตลาดผ่านออนไลน์ โดยผลตอบรับดี ส่วนหนึ่งอาจเพราะช่วงล็อกดาวน์ทำให้ลูกค้าที่มีกำลังซื้อ เริ่มมองหาบ้านที่มีพื้นที่ใหญ่ขึ้น ประกอบกับผู้ประกอบการทำโปรโมชั่นเพื่อดึงกระแสเงินสดกลับเข้าบริษัท ทำให้ยอดลูกค้าเข้าชมโครงการพุ่งขึ้นถึง 50% และทำให้ยอดขายก็ดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะบ้านราคาแพง อย่างบ้านแฝด 3-4 ล้านบาท และเดี่ยว 5-7 ล้านบาท ค่อนข้างขายดี”

นายปรีชา กล่าวว่า เนื่องจากจ.นนทบุรี มีพื้นที่อนุรักษ์ และพื้นที่สีเขียวค่อนข้างมาก แต่ในขณะเดียวกันก็มีแหล่งท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้าครบครัน และยังเดินทางเข้าเมืองได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยทางรถยนต์, รถไฟฟ้าสายสีม่วง, ทางด่วน, และทางเรือ เหล่านี้ล้วนเป็นจุดเด่นสำคัญ ที่เอื้อให้นนทบุรีเป็นย่านที่อยู่อาศัยชั้นดี

พร้อมกันนี้สมาคมฯ ยังได้ทำแผนขับเคลื่อนอสังหาริมทรัพย์ จ.นนทบุรี ร่วมกับภาครัฐฯ และเอกชน อาทิ การผลักดันให้ จ.นนทบุรี เป็น สมาร์ตซิตี้, ผลักดันการขอแก้ไขผังเมืองนนทบุรี (ฉบับใหม่) บางข้อ ที่มีผลกับการพัฒนาเมืองได้จำกัด โดยเฉพาะประเด็นขนาดความกว้างของถนนซอย 6-8 เมตร สามารถพัฒนาโครงการแนวราบได้ เป็นต้น

ขณะเดียวสมาคมฯ ยังร่วมกับ บริษัท โฮมบายเออร์ไกด์ จำกัด จัดงาน มหกรรมบ้านดี นนทบุรี ขึ้นเป็นปีแรก เพื่อเปิดพื้นที่ให้บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใน จ.นนทบุรี มีช่องทางการขายสินค้าได้มากขึ้น และเพื่อกระตุ้นยอดขายช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้

ระหว่างวันที่ 5-11 พ.ย.นี้ ที่ลานโปรโมชั่น C ชั้น 1 เซ็นทรัลพลาซ่า เวสต์เกต โดยรวบรวมทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม กว่า 100 โครงการ จาก 30 บริษัทพัฒนาอสังหารอมทรัพย์ในทำเลกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และนนทบุรี ราคาเริ่มต้น 2-20 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษเฉพาะในงาน โดยคาดว่าจะสร้างยอดขายภายในงานและยอดจองต่อเนื่องหลังงานได้ 200-300 ล้านบาท ในงานยังมีสถาบันการเงิน อาทิ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารยูโอบี และธนาคารเกียรตินาคินภัทร พร้อมให้สิทธิอัตราดอกเบี้ยต่ำพิเศษในงานด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน