นายแสนผิน สุขี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า จากการที่ บมจ.เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) เข้าซื้อกิจการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อที่อยู่อาศัย ล่าสุดได้เปลี่ยนเป็น เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮม และวางเป้าหมายภายในปี 2566 จะมีรายได้แตะ 20,000-30,000 ล้านบาท เป็นผู้นำอันดับ 3 ของประเทศสำหรับกลุ่มธุรกิจเพื่อที่อยู่อาศัย

สำหรับผลการดำเนินงานเฉพาะกลุ่มพัฒนาที่อยู่อาศัย 9 เดือนแรกปี 2563 บริษัทมียอดรับรู้รายได้ 10,894 ล้านบาท ซึ่งถือว่าพอใจ สำหรับช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในสถานการณ์โควิด-19 โดย 50% เป็นยอดขายทาวน์โฮม ที่เหลือเป็นนีโอโฮม บ้านเดี่ยวและโครงการในต่างจังหวัด อย่างไรก็ดี คาดว่ารายได้ทั้งปีนี้จะต่ำกว่าปีที่แล้วราว 5% หรืออยู่ที่เกือบ 15,000 ล้านบาท แม้ว่ายอดขายปีนี้จะได้ตามเป้าหมายกว่า 30,000 ล้านบาท แต่รายได้ที่ต่ำกว่าเป้าหมายเนื่องมาจากในปีนี้ธนาคารได้ปฏิเสธสินเชื่อลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 32% จากเดิม 30%

นายแสนผิน ยังได้ประเมินภาพรวมตลาดที่อยู่อาศัยปี 2564 ภาพรวมกำลังซื้อน่าจะดีขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัวขึ้น แต่ขณะเดียวกันการแข่งขันในตลาดบ้านแนวราบก็จะสูงมากขึ้น เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ที่อยู่มนตลาดหลักทรัพย์ต่างหันมาทำโครงการแนวราบโดยรวมแล้วในแต่ละทำเลจะมีไม่น้อยกว่า 10 ราย ซึ่งในส่วนของบริษัทตั้งเป้ารายได้ 16,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีนี้ พร้อมมีแผนจัดซื้อที่ดินประมาณ 20 แปลง งบประมาณ 10,720 ล้านบาท และวางแผนเปิด 24 โครงการใหม่มูลค่ารวม 29,800 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์โฮม 9 โครงการ มูลค่า 9,700 ล้านบาท นีโอ โฮม บ้านแฝด 5 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 11,000 ล้านบาท และโครงการต่างจังหวัด 3 โครงการ มูลค่า 2,100 ล้านบาท

“ปีหน้าบริษัทยังคงเน้นทำตลาดที่ค่อนข้างปลอดภัย โดยเฉพาะทาวน์โฮมราคา 2.5 ล้านบาทขึ้นไป รองรับกลุ่มเป้าหมายทำงานประจำ มีรายได้สม่ำเสมอไม่มีความเสี่ยงจากการถูกปฏิเสธสินเชื่อจากธนาคาร รวมถึงบ้านแฝด 5 ล้านบาท และบ้านเดี่ยว 8 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนี้ ยังมีแผนรุกตลาดซิตี้โฮม หรือทาวน์โฮม 3 ชั้นในเมือง ขนาดที่ดิน 35-50 ตร.ว. ราคา 15-40 ล้านบาท รวมถึงยังขยายการเปิดโครงการใหม่ในต่างจังหวัดเพิ่มขึ้น ประกอบด้วยจังหวัดขอนแก่น บริเวณบึงแก่นนคร เป็นทาวน์โฮมและบ้านแฝด รวมถึงจ.ภูเก็ต ซึ่งบริษัทเล็งเห็นว่าปัจจุบันอยู่ในจุดต่ำสุดแล้ว ผู้ประกอบการหลายรายถอดใจ แต่ถ้าเมื่อไรที่รัฐบาลออกมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อดึงดูดให้ต่างชาติกลับมาจะเป็นโอกาสที่ดีของตลาด”

นายแสนผิน กล่าวอีกว่า ความเสี่ยงธุรกิจปี 2564 หนี้ครัวเรือนยังสูง ทำให้กำลังซื้อชะลอตัวลง ขณะที่การแข่งขันในตลาดจะมีโปรโมชั่นดุเดือด โดยเฉพาะการแข่งขันด้านราคา ขณะที่ดอกเบี้ยเงินกู้ต่ำ แต่ปัจจัยโควิดยังทำให้เกิดความไม่แน่นอน และการเมืองยังไม่นิ่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน