นายชนินทร์ วานิชวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮาบิแทท กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2564 บริษัทยังมุ่งเน้นการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน หรือไลฟ์สไตล์ อินเวสต์เมนต์ ทั้งบ้านและคอนโดมิเนียม เพื่อการพักผ่อนเป็นบ้านหลังที่ 2 ที่มีการบริหารจัดการโดยแบรนด์โรงแรมชั้นนำ ซึ่งบริษัทเชื่อมั่นว่าตลาดยังไปได้ดี และจะเป็นแนวโน้มของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เริ่มเข้ามาเล่นในตลาดนี้มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันบริษัทจะขยับไปทำคอนโดมิเนียมแนวสูง 2 โครงการ ซึ่งบริษัทมีที่ดินรองรับอยู่แล้วแปลงละ 5-10 ไร่ บริเวณนาจอมเทียน และ วงศ์อำมาตย์ เมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยมีกองทุนส่วนบุคคล หรือไพรเวตฟันด์ จากต่างประเทศเข้ามาเป็นพันธมิตรด้านการเงิน และอาจมีนักพัฒนาที่ดิน อย่าง ลิสต์กรุ๊ป ประเทศญี่ปุ่น เข้ามาร่วมทุนด้วย
ขณะที่แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ มองว่าช่วงครึ่งปีแรกตลาดคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ใจกลางเมืองยังเปิดตัวไม่มาก และจะเริ่มทยอยเปิดตัวกันมากช่วงครึ่งปีหลังทำให้การแข่งขันน่าจะรุนแรงมาก ส่วนตลาดแนวราบราคาตั้งแต่ 3-15 ล้านบาท น่าจะไปได้ แต่ตลาดล่างมาก จะได้รับกระทบจากเศรษฐกิจ และจากแนวโน้มตลาดดังกล่าวทำให้บริษัทตัดสินใจยกเลิกการทำตลาดคอนโดฯ ใจกลางกรุงเทพฯ พร้อมขายที่ดิน 2 แปลง สุขุมวิท 8 และ สุขุมวิท 31 ออกไป มูลค่ารวม 800 ล้านบาท เพื่อเตรียมกระแสเงินสดสำหรับทำตลาดบ้านแนวราบในกรุงเทพฯ ระดับราคา 5-15 ล้านบาท ในโซนกรุงเทพฯตะวันออก ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาเพื่อสร้างความแตกต่างจากที่ทำตลาดในปัจจุบัน อาจมีความร่วมมือด้านบริการสุขภาพ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้โรงพยาบาลปิยะเวท เป็นพันธมิตรด้านการตลาด
“ในกลุ่มไลฟ์สไตล์ อินเวสเม้นท์ พัทยา เราปิดการขายไปหมดแล้ว ขณะนี้ยังมีโครงการรามาด้า มิรา นอร์ท พัทยา ที่ปัจจุบันขายได้แล้วกว่า 80% และยังจะมีโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอีกในอนาคต โดยยังเน้นแบรนด์โรงแรมต่างประเทศเข้ามาบริหารเช่นเดิม ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ กำลังอยู่ระหว่างสำรวจตลาดและเลือกทำเลที่เหมาะสม เน้นเซ็กเมนต์กลาง-บนทั้งในกรุงเทพฯ และพัทยา ซึ่งโปรดักส์ใหม่คือ อสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุนและโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบ เพื่อการก้าวเข้าสู่การแข่งขันในตลาดใหม่ๆ”
สำหรับภาพรวมรายได้ปี 2563 มั่นใจว่าจะทำได้ 2 พันล้านบาท เติบโตกว่า 252% ส่วนยอดขายอยู่ที่ 1.8 พันล้านบาท ขณะที่ปีหน้าจะมีการโอน 3 โครงการ และขายที่ดินบางส่วนออกไปอีก คาดว่าจะรายได้กว่า 2 พันล้านบาท
