นางนลินรัตน์ เจริญสุพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอร์ตี้ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดบ้านหรูใจกลางกรุงเทพฯ ในระดับราคาตั้งแต่ 20-100 ล้านบาทขึ้นไป ปัจจุบันมีการเสนอขายอยู่ในตลาดประมาณ 56 โคางการ รวม 796 ยูนิต มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท โดยกลุ่มใหญ่ 42% เป็นบ้าน 30-50 ล้านบาท ส่วนบ้านราคา 20-30 ล้านบาท มี 27% และผู้พัฒนาโครงการโดยส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการรายย่อยและรายใหม่ที่มีต้นทุนที่ดินต่ำ ขณะที่มีเพียง 39% ที่เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์

ทั้งโครงการบ้านหรู มีทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์เฮาส์ 3-4 ชั้น กระจายอยู่กลางเมืองใน 5 ทำเลหลัก คือ เอกมัย-รามอินทรา มีสัดส่วนการเปิดตัวมากที่สุด 26% รองลงมาเป็นสาทร-พระราม 3 มีสัดส่วน 21% ซึ่งกลุ่มลูกค้าหลักจะเป็นกลุ่มคนทำงานกลางเมือง ขณะที่สุขุมวิท มีสัดส่วน 20% ขณะที่ล่าสุดบ้านหรูในเมืองได้ขยายออกไปในย่านรัชดา-ลาดพร้าวตอนต้น และพหลโยธินด้วย ซึ่งส่วนใหญ่โครงการจะอยู่ในซอยย่อย ที่สามารถเดินทางเข้าออกสะดวก

อย่างไรก็ดี ความน่าสนใจของบ้านหรูในเมือง อยู่ที่ราคาโดยบ้านที่ราคาแพงที่สุด พบว่าราคาต่อตร.ม. ยังไม่ถึง 90,000 บาท ขณะที่คอนโดมิเนียมซูเปอร์ลักชัวรี่ ทำเลสาทร ราคาต่อตร.ม.อยู่ที่ 290,000 บาท ฉะนั้นจะเห็นได้ว่าราคาบ้านจะถูกกว่าคอนโดมิเนียมถึง 3 เท่า เมื่อเทียบต่อตร.ม. และหากเทียบให้ง่ายขึ้นถ้ามีงบประมาณ 50 ล้านบาท สามารถซื้อห้องเพนท์เฮาส์ ในคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองได้ 200 ตร.ม. แต่ซื้อบ้านลักชัวรี่ในเมืองได้ 700 ตร.ม. ดังนั้นจะเห็นว่าการซื้อบ้านในเมืองถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ากว่าคอนโดมิเนียม ในส่วนของสถานการณ์ยอดขายในตลาดบ้านลักชัวรี่ในเมืองพบว่ามียอดขายโดยเฉลี่ยทั้งตลาด 53% ซึ่งแม้ไม่หวือหวา แต่เป็นตลาดที่ซื้อเพื่อต้องการอยู่อาศัยจริง

นางนลินรัตน์ กล่าวถึงข้อดีของการมีบ้านในเมือง คือถ้ามองในแง่ของการลงทุน เนื่องจากที่ดินหายาก และราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ราคาบ้านสูงขึ้นตามราคาที่ดินที่ปรับขึ้น อีกทั้งยังปรับขึ้นได้ดีกว่าที่ดินบริเวณรอบนอกหรือชานเมืองด้วย ประกอบกับบ้านในเมืองมีการออกแบบให้มีพื้นที่รองรับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในบ้านอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ และฟิตเนส เพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ทั้งยังทำให้ไม่ต้องมีพื้นที่ส่วนกลางของโครงการมากนัก สิ่งที่ตามมาคือ ค่าส่วนกลางไม่สูง ดังนั้นทั้ง 4 ส่วนดังกล่าวจะทำให้การซื้อบ้านในเมืองมีความคุ้มค่าในแง่ของการลงทุน

นอกจากนี้ ข้อดีที่ผู้บริโภคน่าจะพิจารณาซื้อบ้านในเมือง อาทิ ปริมาณบ้านในเมืองที่เสนออยู่ในตลาดมีไม่มาก ทำให้ตลาดยังเติบโตได้อีก ทำเลกลางเมืองหายากขึ้นเรื่อยๆ ราคาเทียบคอนโดฯ กลางเมืองยังให้ความคุ้มค่ามากกว่า ที่สำคัญแนวโน้มจากนี้ไปความต้องการจะย้ายจากห้องเพนท์เฮาส์ ในคอนโดมิเนียม มาเป็นบ้านลักชัวรี่ในเมือง เพื่อลดการใช้พื้นที่ส่วนรวม อีกทั้งการใช้วัสดุก่อสร้าง วัสดุตกแต่งบ้านที่มีมารตรฐานคุณภาพสูง และที่สำคัญคุ้มค่าในแง่การลงทุน

ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทจัดแคมเปญ ลักชัวรี่เฮาส์ แกรนด์ เซล เป็นการรวบรวมบ้านหรูใจกลางเมือง จากผู้ประกอบการกว่า 20 โครงการ ในราคาเริ่มต้น 22.9-70 ล้านบาท มาเสนอขายพร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 11 ล้านบาท (ตามเงื่อนไขของบริษัท) พร้อมบัตรกำนัลเฟอร์นิเจอร์ ยูโร ครีเอชั่นส์ จากอิตาลี สำหรับผู้ซื้อในตั้งแต่วันนี้-31 มี.ค.นี้ รวมถึงล่าสุดบริษัทยังได้บริหารงานขายโครงการอานีน่า วิลล่า สาทร-เย็นอากาศ พัฒนาโดย บริษัท เย็นอากาศ แอสเซท จำกัด เป็นบ้านเดี่ยว 4.5 ชั้น ราคาเริ่มต้น 53.9 ล้านบาท ตั้งอยู่ในซอยเย็นอากาศ 2 บนพื้นที่โครงการกว่า 5 ไร่ มี 22 ยูนิต เน้นความเป็นส่วนตัวสูง และยังเป็นบ้านเดี่ยวโครงการเดียว ในย่านสาทร-เย็นอากาศ ด้วย อย่างไรก็ดี บริษัทตั้งเป้ายอดขายจากแคมเปญนี้ 600 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน