นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2564 คาดว่าจะขยายตัวประมาณ 3% ซึ่งขึ้นกับการกระจายวัคซีนให้ประชาชนได้เร็วแค่ไหน ส่วนภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังต้องเผชิญหลายปัจจัยลบ ทั้งกำลังซื้อภายในประเทศที่ยังอ่อนตัวตามภาวะเศรษฐกิจ หนี้ครัวเรือนที่ปรับสูงขึ้น ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของธนาคาร แต่อย่างไรก็ดียังมีปัจจัยสนับสนุนจากภาครัฐที่มีการต่ออายุมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอน และจดจำนองที่อยู่อาศัยที่ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ไปถึงสิ้นปีนี้

ด้านนายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ได้กล่าวถึงแผนการดำเนินงานปี 2564 บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 5.76 พันล้านบาท ในขณะที่ยอดขายในปีนี้ตั้งเป้าไว้ที่ 7 พันล้านบาท ภายใต้แผนเปิดโครงการบ้านแนวราบทั้งหมด 10-12 โครงการ มูลค่ารวม 6-7 พันล้านบาท โดยมองว่าตลาดบ้านแนวราบยังเติบโตและมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง แต่จะขยายการทำตลาดบ้านระดับบน ราคา 8-10 ล้านบาทมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อสูงและไม่มีปัญหาการขอสินเชื่อ (รีเจ็กต์) ทั้งยังเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อเงินสด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงจากกลุ่มระดับราคา 2-5 ล้านบาท ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และเป็นกลุ่มที่ค่อนข้างเสี่ยงที่จะถูกปฏิเสธสินเชื่อ

ทั้งนี้ ในส่วนของแผนเปิดตัวโครงการใหม่ จะแบ่งเป็นช่วงครึ่งปีแรก 5-6 โครงการในทำเลที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ ได้แก่ สุมทรปราการ และนนทบุรี เป็นต้น โดยจะเป็นโครงการบ้านหรู ภายใต้แบรนด์ บ้านลลิล เดอะ เพรสทีจ ซึ่งเป็นการออกแบบในสไตล์เฟรนช์ โคโลเนียล ระดับราคา 5-8 ล้านบาท ที่จะเข้ามาช่วยการขยายตลาดให้กว้างขึ้น จากก่อนหน้านี้ที่ประสบความสำเร็จจากการทำตลาดแบรนด์แลนซีโอ ที่เจาะกลุ่มลูกค่า 3-6 ล้านบาท ขณะเดียวกันในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.พ.) บริษัททำยอดขายได้แล้ว 1.5 พันล้านบาท

สำหรับงบซื้อที่ดินปีนี้บริษัทวางไว้ที่ 1-1.2 พันล้านบาท เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการในปีถัดไป ส่วนทำเลยังคงเป็นกรุงเทพฯ โซนเหนือ กรุงเทพตะวันออก และกรุงเทพฯ ตะวันตก เพราะเป็นทำเลที่บริษัทมองเห็นถึงศักยภาพ อีกทั้งเป็นทำเลยอดนิยมสำหรับคนมองหาซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน