นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานปี 2564 ภายใต้สถานการณ์กำลังซื้อในกรุงเทพฯ ปรับตัวลดลง ประกอบกับภาพรวมการแข่งขันในตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ค่อนข้างสูง ทำให้บริษัทมีการปรับตัว โดยพยามหาในทำเลใหม่ๆ อย่าง ศาลายา จ.นครปฐม, บางนา และ ทำเลอีอีซี หรือภาคตะวันออก เพื่อกระจายความเสี่ยง ซึ่งตามแผนปีนี้เตรียมเปิดตัว 6 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 10,850 ล้านบาท

แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 5 โครงการ รองรับกลุ่มเป้าหมายระดับราคา 2 ล้านบาท+- จุดเด่นขายอยู่ที่การให้พื้นที่ส่วนกลางที่ตอบรับกลุ่มลูกค้าในยุคนิวนอมัล ทั้งพื้นที่รองรับการทำงานและการเรียนที่บ้าน พร้อมกับพื้นที่รองรับกิจกรรมสันทนาการเพื่อการพักผ่อน ประกอบด้วยโครงการ เคฟ ศาลายา คอนโดมิเนียมทำเลติดถนนใหญ่ ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา รองรับกลุ่มเป้าหมายนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดลและมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ รวม 40,000 คน โครงการ โมดิซ ไรห์ม คลาวด์ สูง 44 ชั้น 1,205 ยูนิต โครงการแอทโมซ บางนา รองรับการเป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่ ซึ่งในอนาคตจะมีอาคารสำนักงานเอไอเอ เกตเวย์ 70,000 ตร.ม. โครงการเคฟ เอวา 1,269 ยูนิต ตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) รังสิต ประตู 2 และโครงการโมดิซ ศรีราชา ใกล้มหาวิทยาลัยเกษตร ศรีราชา และนิคมฯ แหลมฉบัง นอกจากนี้ ยังมีโครงการบ้านภูริปุรี โฮมออฟฟิศ ลาดพร้าว 41 ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จเตรียมเปิดขายในปีนี้ ราคาเริ่มต้น 15 ล้านบาท

“บริษัทจะมุ่งเน้นทำคอนโดฯ ในระดับราคาต่อยูนิตประมาณ 2 ล้านบาท บวก-ลบ โดยแบรนด์เคฟ จะอยู่ใกล้สถานศึกษา ราคาตร.ม. 60,000-80,000 บาท ซึ่งในต่างจังหวัดยังมีโอกาสอีกมากในขณะที่บริษัทมีที่ดินสะสมบริเวณ มธ.รังสิต เพื่อรองรับการขายได้อีก 2 โครงการ ส่วนแบรนด์โมดิซ เป็นคอนโดฯ สูง ราคาตร.ม. ตั้งแต่ 80,000-100,000 บาท และแอทโมซ ระดับราคาตร.ม. 75,000 บาท+- ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักจะเน้นทำคอนโดฯ 8 ชั้น เพื่อให้ขายและก่อสร้างเสร็จภายในปีเดียว”

นายกรมเชษฐ์ กล่าวว่า ขณะเดียวกันปีนี้บริษัทจะมี 5 โครงการก่อสร้างแล้วเสร็จในปีนี้คิดเป็นมูลค่ารวม 6.6 พันล้านบาท ขณะที่มียอดขายรอรับรู้รายได้แล้ว 7,848 ล้านบาท ซึ่งราว 5,000 ล้านบาทจะรับรู้รายได้ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีสต๊อกคอนโดฯ และบ้านสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ 4,094 ล้านบาท โดยจากทิศทางการดำเนินดังกล่าวทำให้บริษัทคาดว่าผลประกอบการปี 2564 จะเป็นปีที่สร้างรายได้สูงสุดตั้งแต่เปิดบริษัทมา และบริษัทเตรียมที่จะขายหุ้นเพิ่มทุนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) ในเร็วๆ นี้

สำหรับผลประกอบการปี 2563 บริษัทมีรายได้ 4,205 ล้านบาท อัตรากำไรสุทธิที่ 871 ล้านบาท หรือสูงถึง 20.6%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน