นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการขยายการลงทุนภายใต้ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอุตสาหกรรม โดยการร่วมทุนกับ บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (JWD) ในฐานะผู้ให้บริการโลจิสติกส์และซัพพลายเชนแบบครบวงจร ครอบคลุม 8 ประเทศในภูมิภาคอาเซียน โดยสัดส่วนการถือหุ้น 50 : 50 ภายใต้ทุนจดทะเบียนล่าสุดที่ 235 ล้านบาท ซึ่งเป็นการผสานจุดแข็งระหว่างกัน ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมและการให้บริการครบวงจร ภายใต้แบรนด์ แอลฟา พร้อมตั้งเป้าหมายภายในปี 2566 จะเริ่มนำโครงการขายเข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีทส์) และภายในปี 2568 จะมีพื้นที่อสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรมทั้งโรงงานและคลังสินค้า รวมกว่า 1 ล้าน ตร.ม. ขึ้นเป็นผู้นำตลาด 3 อันดับแรก

ทั้งนี้ จะมีทั้งการลงทุนพัฒนาโครงการเองและการเข้าควบรวมกิจการทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยอาศัยจุดแข็งของออริจิ้นฯ ซึ่งมีพันธมิตรต่างชาติที่เป็นผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เชิงอุตสาหกรรม ทั้ง บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ประเทศญี่ปุ่น และ บริษัท จีเอส เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด ประเทศเกาหลี ขณะเดียวกันพร้อมจะนำบริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2568 ด้วย

“บริษัทมีความชำนาญด้านการหาที่ดิน การจัดการต้นทุนในการพัฒนาโครงการ มีพันธมิตรด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำจากญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ และมีฐานลูกค้าที่แข็งแกร่งในฝั่งธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) และพันธมิตร JWD ซึ่งเชี่ยวชาญด้านการบริหารคลังสินค้า และโลจิสติกส์ ที่มีเครือข่ายอยู่ทั่วอาเซียน ตลอดจนมีฐานลูกค้าที่กว้างขวางโดยเฉพาะในฝั่งธุรกิจ (B2B) ซึ่งความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการผสานความแข็งแกร่งของทั้งคู่เข้าด้วยกันในการตอบโจทย์ตลาดอย่างครบวงจรทั้งในฝั่ง B2B และ B2C”

สำหรับ แอลฟาฯ จะมุ่งดำเนินธุรกิจใน 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1. อสังหาริมทรัพย์ภาคอุตสาหกรรม เช่น คลังสินค้า ศูนย์โลจิสติกส์ สวนอุตสาหกรรม นิคมอุตสาหกรรม ระบบการจัดการคลังสินค้าออนไลน์ 2. อสังหาริมทรัพย์เพื่อชุมชนเมือง เช่น บริการเช่าห้องเก็บของและทรัพย์สิน ในคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร บริการคลังสินค้าออนไลน์ย่อย และ 3. การบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่ย กลุ่มพลังงาน กลุ่มการบำบัดน้ำเสีย กลุ่มก่อสร้าง

นายชวนินทร์ บัณฑิตกฤษดา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JWD กล่าวว่า ความต้องการด้านโลจิสติกส์โซลูชั่นในประเทศไทยยังมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับความต้องการที่ซับซ้อนมากขึ้น และเฉพาะทางมากขึ้น ซึ่งเจดับบลิวดี และ ออริจิ้น จะสร้างความแตกต่างไปจากตลาด ไม่เพียงแค่หาที่ดินมาพัฒนาคลังสินค้า แต่จะมีทั้งโครงสร้างพื้นฐาน ซอฟต์แวร์ ระบบออโตเมชั่น หุ่นยนต์ และบริการที่ซับซ้อนอื่นๆ นำเสนอลูกค้าฝั่ง B2B หลากหลายประเภทธุรกิจ ขณะเดียวกัน จะสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภคในโครงการที่อยู่อาศัยให้สามารถทำธุรกิจ อีคอมเมิร์ซจากที่พักอาศัยได้สะดวกยิ่งขึ้น

ขณะที่นายปธาน สมบูรณสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่นฯ กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซและธุรกิจอาหารในช่วงโควิด-19 ประกอบกับนโยบายการสนับสนุนต่างๆ ของภาครัฐ เช่น นโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) นโยบายการส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า หรืออีวี ตลอดจนความต้องการที่สูงขึ้นของกลุ่มชุมชนเมืองที่มีความต้องการพื้นที่อสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยบริษัทจะเจาะตลาดลูกค้าเป้าหมาย 6 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มอีคอมเมิร์ซ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ห้องควบคุมอุณหภูมิ เช่น อุตสาหกรรมอาหาร ยา และเวชภัณฑ์ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์กลุ่มเคมีภัณฑ์และสินค้าอันตราย กลุ่มธุรกิจยานยนต์และ EV กลุ่มชุมชนเมือง และกลุ่ม ดาต้าเซ็นเตอร์ สำหรับหารลงทุนโครงการแรก แอลฟา บางนา กม.22 ขนาด 24 ไร่ บน ถนนบางนา ตราด กม.22 เป็นคลังสินค้าควบคุมอุณหภูมิแบบ Multi-temperature ตัวอาคารสูงพิเศษกว่า 23 เมตร และเป็นโครงการแรกของไทยที่เป็นคลังสินค้าออนไลน์สำหรับธุรกิจ อีคอมเมิร์ซแบบควบคุมอุณหภูมิ รองรับระบบการจัดเก็บอัตโนมัติ ขนาดพื้นที่กว่า 22,000 ตร.ม. จะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 1 ปี 2564

พร้อมกับแผนลงทุนคลังสินค้าอีก 2 โครงการ เงินลงทุนรวมกว่า 500 ล้านบาท ทำเลบางนา-บางพลี พื้นที่เช่า 70,000-80,000 ตร.ม. และ โครงการวังน้อย พื้นที่เช่า 60,000 ตร.ม. โดยจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 4 นี้ และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 2 ปีหน้าเป็นต้นไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน