นายพงศ์พจน์ เลิศรุ้งพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีเฮ้าส์พัฒนา จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ใน จ.มหาสารคาม เปิดเผยว่า แผนธุรกิจระยะสั้น โดยในไตรมาส 4 ปีนี้ เตรียมเปิดตัวโครงการยูพาร์ค บริเวณตรงข้ามมหาวิทยาลัยมหาสารคาม พื้นที่ 40 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บ้านแฝด 1 ชั้น และ 2 ชั้น ราคาขายตั้งแต่ 1.79 ล้านบาท รวม 249 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 609 ล้านบาท เพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเรียลดีมานด์

ส่วนแผนระยะกลางและระยะยาว บริษัทเตรียมขยายการพัฒนาที่ดินในรูปแบบมิกซ์ยูสให้เช่า ภายใต้โครงการ ยู พาร์ค มาร์เก็ต มูลค่าลงทุน 120 ล้านบาท บนพื้นที่ 13 ไร่ บริเวณด้านหน้าโครงการยูพาร์ค ซึ่งจะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของจ.มหาสารคาม ภายในประกอบด้วยสถานีบริการน้ำมันพีทีทีสเตชั่น 3 ไร่เศษ และอาคารร้านค้าปลีก 2 อาคาร ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 4 ปีนี้ นอกจากนี้ ยังมีโครงการ ยูพาร์ค สตรีท พื้นที่ 9 ไร่ครึ่ง บริเวณเดียวกัน จะเป็นอาคารขนาดเกือบ 2,000 ตร.ม. ประกอบด้วยร้านอาหารอินเตอร์แบรนด์ และร้านอาหารต่างๆ รวม 86 ร้าน และเต็นท์ขายสินค้าบริเวณลานโล่ง รองรับร้านอาหาร 26 ร้าน และร้านค้าปลีก 132 ร้าน ซึ่งคาดว่าในส่วนของพื้นที่เช่าทั้งหมดจะสร้างกำไรให้บริษัทปีละประมาณ 6 ล้านบาท อีกทั้งยังสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับโครงการที่อยู่อาศัยในยูพาร์คได้ด้วย

สำหรับในปี 2565 บริษัทยังเตรียมแผนเปิดการขายโครงการริเวอร์ คอนโด สูง 8 ชั้น ริมคลองสมถวิล กว่า 3 ไร่ พัฒนาเป็น 2 อาคาร ห้องชุดพักอาศัยแบบ 1 ห้องนอน ขนาดห้อง 27.5 และ 29 ตร.ม. รวม 336 ยูนิต ราคาขายเริ่มที่ 9.9 แสนบาท มูลค่าโครงการรวม 321.7 ล้านบาท

อย่างไรก็ดี ช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากสถานการณ์โควิด-19 ที่กลับมาแพร่ระบาดอีกครั้งตั้งแต่ปลายไตรมาส 1 และเริ่มระบาดหนักต่อเนื่องในไตรมาส 2 ประกอบกับมหาสารครามถูกจัดเป็นพื้นที่สีแดงเข้ม ทำให้มีการล็อกดาวน์ ส่งผลต่อกิจกรรมการขาย เนื่องจากผู้บริโภคในพื้นที่มหาสารคราม ยังคงตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยเมื่อเห็นของจริง ทำให้ผลประกอบการครึ่งปีแรก 2564 บริษัทมีรายได้รวม 37.54 ล้านบาท ลดลง 20.24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนและมีผลขาดทุนสุทธิ 2.39 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ดี ครึ่งปีหลังโดยเฉพาะไตรมาส 4 เป็นช่วงการขายของธุรกิจอสังหาฯ และหากไม่เกิดการระบาดของโควิดระลอก 5 บริษัทเชื่อมั่นว่าผลประกอบการจะพลิกกลับมามีกำไร สุทธิ 10 ล้านบาท ใกล้เคียงปีที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งมาจากการบันทึกกำไรจากเงินเวณคืนที่ดินจำนวน 8 ล้านบาท ประกอบกับปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้จากการโอนบ้านประมาณ 25 ล้านบาท

อีกทั้งด้วยภาวะการแพร่ระบาดของโควิด-19 มีผลให้เกิดการทำงานจากบ้าน หรือ เวิร์ก ฟรอม โฮม และการเรียนออนไลน์ที่บ้าน ทำให้เกิดความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ เนื่องจากบางครอบครัวมีพื้นที่อยู่อาศัยจำกัด ทำให้มีโอกาสที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยใหม่เกิดขึ้นได้ อีกทั้งจากการแข่งขันของธุรกิจอสังหาฯ ในมหาสารคาม ก็รุนแรงเช่นเดียวกับทุกพื้นที่ประกอบกับธนาคารยังคงเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัย ทำให้บริษัทต้องใช้กลยุทธ์การตลาดทั้งให้ส่วนลดสูงสุด 4-5 แสนบาท รวมถึงให้เงินคืน และของแถมเพิ่มเติมอีกด้วยเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน