น.ส.อาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายที่พักอาศัยโครงการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย บริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า จากวิกฤตการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้ตลาดที่พักอาศัยโดยรวมของกรุงเทพฯ ในช่วงครึ่งแรกของปี 2564 ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดระรอกใหม่ที่เกิดขึ้น ทำให้การเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่ลดลงมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2563

และ เฉพาะไตรมาส 2 ปี 2564 พบว่าการเปิดตัวใหม่ลดลงจากไตรมาสแรก 11.4% โดยผู้พัฒนาโครงการให้ความสำคัญกับการขายยูนิตที่สร้างเสร็จและพร้อมเข้าอยู่มากกว่า โดยมีข้อเสนอพิเศษเป็นตัวเร่งการตัดสินใจของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการให้ส่วนลด 5-10%

จากสถิติของแผนกวิจัย ซีบีอาร์อี พบว่า ณ ไตรมาส 2 ปี 2564 คอนโดมิเนียมทั้งหมดในกรุงเทพฯ มีจำนวนทั้งสิ้น 828,549 ยูนิต โดยยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง 106,990 ยูนิต และก่อสร้างแล้วเสร็จ 7,983 ยูนิต ซึ่งมีเพียง 1,444 ยูนิตที่ตั้งอยู่ในย่านใจกลางธุรกิจหรือซีบีดี โดยโครงการคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จมียอดขายเฉลี่ย 90.9% ส่วนที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างมียอดจองเฉลี่ย 61.4% ขณะที่คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่มียอดจองเฉลี่ยสูงสุดที่ 76.3%

น.ส.อาทิตยา เกษมลาวัณย์

“จะเห็นว่าแม้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมจะไม่คึกคักเท่ากับช่วงก่อนโควิด-19 แต่คอนโดมิเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลหายาก และโครงการที่ใช้แบรนด์โรงแรมระดับโลกมาบริหาร หรือแบรนด์เดดเรสซิเดนซ์ ยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนระดับบนที่มีกำลังซื้อสูง เนื่องจากสามารถช่วยเพิ่มมูลค่าให้แก่โครงการในระยะยาวได้ ประกอบกับช่วงนี้เป็นจังหวะดีสำหรับผู้ซื้อที่จะซื้ออสังหาริมทรัพย์ที่คุ้มค่าในราคาที่เหมาะสมและสามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้ในอนาคต”

น.ส.อาทิตยา กล่าวว่า ในส่วนของโครงการบ้านแนวราบหรือบ้านเดี่ยวในกรุงเทพฯ พบว่า ความต้องการบ้านมีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 เนื่องจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปเพราะจำเป็นต้องใช้เวลาอยู่บ้านมากขึ้น ต้องการพื้นที่กว้างขวางและเป็นสัดส่วนเพื่อความเป็นส่วนตัว รวมถึงสามารถใช้เป็นพื้นที่ทำงานและทำกิจกรรมภายในครอบครัวได้หลากหลายมากขึ้น

ในขณะที่ช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการพัฒนาโครงการทั้งสิ้น 337,188 หลัง และบ้านที่ผู้อยู่อาศัยสร้างเองมีจำนวน 225,423 หลัง ทั้งนี้ เฉพาะในไตรมาส 2 ปี 2564 มีการเปิดตัวโครงการบ้านใหม่เพิ่มขึ้นถึง 26.8% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา และมียอดโอนบ้านเพิ่มขึ้น 5.2% ต่อปี คิดเป็น 22,141 หลัง

ในส่วนยอดขายที่พักอาศัยของบริษัทในช่วงครึ่งแรกปี 2564 พบว่ายอดขายโครงการบ้านหรูเพิ่มสูงขึ้นถึง 120% และยอดขายคอนโดมิเนียมหรูเพิ่มขึ้น 59% แม้ว่าจำนวนลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมโครงการที่ซีบีอาร์อีเป็นตัวแทนในช่วงที่ผ่านมาจะลดลง 23% แต่จำนวนยูนิตที่ขายได้กลับเพิ่มขึ้น 18.8% โดยมียอดขายบ้านหรูและคอนโดมิเนียมหรูรวมเพิ่มขึ้น 38% เมื่อเทียบกับครึ่งแรกของปี 2563

ซึ่งในครึ่งแรกของปีนี้ คอนโดมิเนียมมูลค่าสูงสุดที่บริษัทปิดการขายได้มีราคา 130 ล้านบาท ส่วนบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ใจกลางเมือง มูลค่าสูงสุด 100 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังพบว่ามีลูกค้าที่ยกเลิกสัญญาจองเพียง 1.1% ของจำนวนยูนิตที่ขายได้ทั้งหมด และมีผู้ซื้อที่เป็นนักลงทุนชาวต่างชาติ 5.3% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้

“ตลาดบ้านเป็นตลาดที่ขับเคลื่อนจากผู้ซื้อที่ต้องการอยู่อาศัยเองเป็นหลักอยู่แล้ว ทำให้โควิด-19 กรทบน้อยกว่าตลาดคอนโดมิเนียมซึ่งผู้ซื้อส่วนใหญ่เป็นนักลงทุน และเมื่อไม่นานมานี้ มีแนวโน้มที่น่าสนใจเกิดขึ้นในตลาดบ้าน คือ ผู้พัฒนาโครงการให้ความสำคัญมากขึ้นกับแนวคิดของความเป็นอยู่ที่ดีและสุขภาพที่ดี เลือกใช้วัสดุ เทคโนโลยีใหม่ๆ และการให้บริการของนิติบุคคล เพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้อยู่อาศัยอีกด้วย ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน” น.ส.อาทิตยา กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน