น.ส.จรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป เปิดเผยว่า ล่าสุดบริษัทได้ขายสินทรัพย์ เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) (เพิ่มทุนครั้งที่ 6) จำนวน 3 โครงการ

ประกอบด้วย โครงการ ดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ (วังน้อย 62) โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ (ถนนบางนา-ตราด กม. 23 โปรเจค 3) และ โครงการดับบลิวเอชเอ อี คอมเมิร์ซ พาร์คตั้งอยู่ที่ อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

โดยทั้ง 3 โครงการ โดยอายุสัญญาเช่าเฉลี่ยของทรัพย์สินที่กองทรัสต์จะลงทุนเพิ่มเติมในครั้งนี้อยู่ที่ 10.7 ปี มีกลุ่มผู้เช่าในกลุ่มธุรกิจที่เติบโต อาทิ กลุ่มธุรกิจ อี-คอมเมิร์ส, กลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG) และ ธุรกิจขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้อานิสงส์จากสถานการณ์โควิด-19 ทำให้มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ขณะที่นายอนุวัฒน์ จารุกรสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ เรียล เอสเตท แมเนจเม้นท์ จำกัด ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าดับบลิวเอชเอ พรีเมี่ยม โกรท (WHART) กล่าวว่า สำหรับการเพิ่มทุนครั้งที่ 6 เพื่อลงทุนในทรัพย์สินหลักเพิ่มเติมครั้งที่ 7 เป็นการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมอีก 3 โครงการดังกล่าวข้างต้น โดยมูลค่าไม่เกิน 5,550 ล้านบาท

ซึ่งภายหลังการลงทุนเพิ่มเติมในทรัพย์สินหลักในครั้งนี้ จะส่งผลให้ WHART มีมูลค่าทรัพย์สินรวมของกองทรัสต์แตะที่ระดับกว่า 48,000 ล้านบาท และมีพื้นที่เช่าภายใต้การบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 1.58 ล้านตร.ม. ซึ่งทำให้กองทรัสต์ WHART รักษาความเป็นผู้นำของกองทรัสต์ประเภทศูนย์กระจายสินค้า คลังสินค้าและโรงงานที่ใหญ่ที่สุดในไทย

อีกทั้งยังช่วยสร้างการเติบโตให้กับรายได้ของกองทรัสต์อย่างมั่นคงและยั่งยืน และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นหน่วยอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงจะทำให้สัดส่วนการลงทุนในพื้นที่เขตอีอีซี เพิ่มขึ้นจาก 14.1% เป็น 20.6% ซึ่งสอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่เน้นการลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ในขณะที่สัดส่วนบิวท์ทูสูทเพิ่มขึ้นจาก 55% เป็น 58% ซึ่งจะเป็นการเพิ่มศักยภาพรายได้ความมั่นคงในระยะยาว

นอกจากนี้ ยังขยายสัดส่วนลูกค้า อี-คอมเมิร์ซ อย่างมีนัยสำคัญจาก 6% เป็น 17% และทำให้กองทรัสต์เองมีผู้เช่ารายใหญ่ในกลุ่มอี-คอมเมิร์ซ บครบทุกราย อาทิ อาลีบาบา ช้อปปี้ เอ็กซ์เพรส, เจดี เซ็นทรัล, เคอรี่ และแฟลช เอ็กซ์เพรส เป็นต้น นอกจากนี้ ทรัพย์สินที่จะเข้าลงทุนในครั้งนี้ยังมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยในระดับสูงถึง 92% และหลังทำการเพิ่มทุน มีอายุสัญญาเช่าคงเหลือในระดับสูงถึง 3.5 ปี

ทางด้านนายสาวิตร ศรีศรันยพงศ์ ผู้บริหารกลุ่มงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ WHART กล่าวว่า ทั้ง 3 โครงการจะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งเดิมให้กับกองทรัสต์ WHART โดยประมาณการจ่ายประโยชน์ตอบแทนและเงินลดทุนอ้างอิงงบกำไรขาดทุนและการจ่ายประโยชน์ตอบแทนตามสถานการณ์สมมติตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-31 ธ.ค. 2565 อยู่ที่ประมาณ 0.80 บาทต่อหน่วย ภายหลังการเข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งนี้

อย่างไรก็ดี เพิ่มทุนของกองทรัสต์ WHART ครั้งนี้จะเสนอขายหน่วยทรัสต์จำนวนไม่เกิน 385,898,000 หน่วย ให้แก่ ผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อหน่วยทรัสต์ที่มีรายชื่ออยู่ในสมุดทะเบียน ณ วันที่ 21 ต.ค. 2564 ในอัตราส่วน 1 หน่วยทรัสต์เดิมต่อ 0.1181 หน่วยทรัสต์ที่ออกและเสนอขายเพิ่มเติม สำหรับผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อ สามารถจองซื้อ ระหว่างวันที่ 8-12 พ.ย. 2564

ซึ่งผู้ถือหน่วยทรัสต์เดิมที่มีสิทธิจองซื้อสามารถจองซื้อตามสิทธิที่ได้รับจัดสรร เกินกว่าสิทธิ หรือน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับการจัดสรรก็ได้และจะทำการชำระเงินจองซื้อที่ราคาสูงสุด 12.90 บาท/หน่วย และหากราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่า ราคาสูงสุดจะทำการคืนเงินส่วนต่างราคาให้กับผู้จองซื้อ

ส่วนประชาชนทั่วไป ซึ่งเป็นบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหน่วยทรัสต์ จะเปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 16-19 พ.ย.นี้ โดยการจองซื้อผ่านช่องทางออนไลน์ได้ที่ K-My Invest หรือธนาคารกสิกรไทยทุกสาขา


ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน