นายกิจจา ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชิค รีพับบลิค จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเป็นผู้นำเข้าและจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์ เครื่องนอน และของตกแต่งบ้านครบวงจร ในรูปแบบร้านค้าเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้ ชิค รีพับบลิค โดยแบรนด์สินค้าประกอบด้วยชิครีพับบลิคเป็นแบรนด์ระดับบน ส่วนแบรนด์ริน่า เฮย์ จะเป็นแบรนด์สำหรับใช้แข่งขันกับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์ในตลาด (ไฟลต์ติ้งแบรนด์) ขณะที่แบรนด์แอชลีย์ (Ashley) นำเข้าจากสหรัฐ โดยสินค้าทั้งหมดรองรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย B+ ขึ้นไป ซึ่งจะเห็นว่ากลุ่มที่ยังมีกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง

 

โดยเฉพาะจากการพูดคุยกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายราย พบว่าปัจจุบันยอดขายที่อยู่อาศัยในตลาดระดับกลาง-บน หรือราคาตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป มีการเติบโตค่อนข้างสูง รวมถึงยังมีแผนขยายโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง ทำให้เชื่อมั่นใจว่ารายได้ของบริษัทในปี 2565 จะสามารถกลับไปเท่ากับหรือมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด หรือปี 2562 ซึ่งบริษัทมีรายได้ 781 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ 75 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 1 ปีนี้บริษัทมีรายได้แล้ว 218 ล้านบาท และกำไรสุทธิที่ 18 ล้านบาท

โดยปัจจุบันบริษัทมีชิครีพับบลิคทั้งหมด 6 สาขา ซึ่ง 5 สาขาในไทย ประกอบด้วยกรุงเทพฯ 4 สาขา และ พัทยา 1 สาขา ส่วนอีก 1 สาขาในกัมพูชา อีกทั้งในช่วงโควิดทำให้บริษัทได้ขยายช่องทางจำหน่ายผ่านออนไลน์เต็มรูปแบบทั้งเว็บไซต์ของบริษัท รวมถึงช่องทางมาร์เก็ตเพลสต่างๆ ตลอดจนยังมีงานตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ให้กับโครงการบ้านและคอนโดมิเนียมให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ อาทิ ออริจิ้น แกรนด์ยูนิตี้ พฤกษา ลลิลฯ เอพี แสนสิริ เสนาฯ ศุภาลัย และแอสเสทไวส์ เป็นต้น

 

ซึ่งในปีนี้มีแผนเปิดโครงการใหม่จำนวนมาก โดยดูได้จากปัจจุบันบริษัทมีประมูลงานเฟอร์นิเจอร์ในโครงการเดือนละไม่น้อยกว่า 3-4 โครงการ โดยแต่ละโครงการมีมูลค่างานตั้งแต่ 15-50 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีงานโครงการในมือแล้ว 201 ล้านบาท รวมถึงในปีนี้บริษัทยังขยายการรับงานตกแต่งเฟอร์นิเตอร์ให้โรงแรม และโรงพยาบาล ตลอดจนยังได้ขยายการรับงานออกแบบตกแต่งภายใน ภายใต้ชื่อ Chic Design Studio รวมถึงธุรกิจให้เช่าเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้านเพื่อใช้จัดห้องตัวอย่าง งานโฆษณา เป็นต้น

นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมปรับปรุง 2 สาขา ประกอบด้วยสาขาราชพฤกษ์ และ บางนา เพื่อขยายพื้นที่ร้านค้าเช่าเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันยังเตรียมแผนลงทุนขยายสาขาในจ.อุดรธานี พื้นที่ 5,500 ตร.ม. งบลงทุน 160 ล้านบาท และราดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 1 ปี 2567

โดยเงินลงทุนดังกล่าวส่วนหนึ่งจะมาจากการขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (ไอพีโอ) จำนวน 360 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท หรือคิดเป็น 26.47% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และจะนำหลักทรัพย์ของบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในไตรมาส 3 นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน