นายมนู ตระกูลวัฒนะกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีคอน จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากสถานการณ์โควิด -19 ที่เริ่มคลี่คลาย ทำให้ความต้องการสร้างบ้านขนาดเล็กเริ่มกลับมามากขึ้น ทำให้ภาพรวมในปี 2565 ซีคอน สามารถทำผลงานได้อย่างโดดเด่น โดยเฉพาะยอดเซ็นสัญญา 1,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 60 ปีที่ดำเนินธุรกิจมา

“ในช่วงปี 2565 ที่ผ่านมา บริษัทสามารถทำยอดขาย 1,920 ล้านบาท โดยเป็นตัวเลขที่สูงกว่าปี 2564 อยู่ประมาณ 50 ล้านบาท สัดส่วนยอดขายมาจากฐานลูกค้าที่มีความต้องการบ้านขนาดใหญ่ และบ้านขนาดกลางเป็นหลัก แบ่งเป็น 50% เป็นบ้านขนาดใหญ่ ราคาบ้าน 8-50 ล้านบาทขึ้นไป มีพื้นที่ใช้สอย 351 ตร.ม.ขึ้นไป 35% เป็นบ้านขนาดกลาง ราคา 5-7.9 ล้านบาท พื้นที่ 200-350 ตร.ม. และ 15% บ้านขนาดเล็ก ราคา 2-4.9 ล้านบาท พื้นที่ 200 ตร.ม.”

สำหรับแผนงานปี 2566 ซีคอน ตั้งเป้า 2,500 ล้านบาท เดินหน้าสร้าง 3 กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย กลยุทธ์ความยั่งยืน โดยซีคอน และ SEACON ID เป็นบริการแบบครบวงจร รองรับการสร้างบ้านตามแบบของลูกค้า ซึ่งให้ความสำคัญกับการใช้วัสดุที่มีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งกลยุทธ์การตลาดออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด และกลยุทธ์การพัฒนาสินค้าใหม่ เตรียมแบบบ้านใหม่ สไตล์โมเดิร์นมินิมอล ซึ่งเป็นเทรนด์ยอดนิยมในปัจจุบัน โดยจะเปิดตัวพร้อมกันใน 2 งานใหญ่เดือนมี.ค.นี้

จากแนวโน้มของตลาดรับสร้างบ้านที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ซีคอน มีแผนลงทุนสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปแห่งที่ 2 บนเนื้อที่กว่า 26 ไร่ มูลค่า 120 ล้านบาท บริเวณลำลูกกาคลอง 12 คาดแล้วเสร็จเดือนส.ค.นี้ โดยตั้งเป้าการผลิตชิ้นส่วนสำเร็จรูปแบบเต็มกำลังการผลิตไว้ที่ จำนวน 120,000 ชิ้นต่อปี ในระยะแรก (เฟสที่ 1) จะผลิตประมาณ 60,000 ชิ้นต่อปี เพื่อรองรับการสร้างบ้านได้กว่า 800 หลัง เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปัจจุบันสร้างได้ 400 หลังต่อปี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน