นายอภิชาติ เกษมกุลศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยหลังรับตำแหน่งเมื่อ 1 ก.พ. 2567 ว่า มีภาระกิจซ่อมสร้าง โดยจะใช้ความเป็นนักการเงินเข้ามาช่วยเปลี่ยนสินค้ารอขาย หรือสต๊อกที่อยู่อาศัยสร้างเสร็จ กว่า 1.1 หมื่นล้านบาท รวมกว่า 4,000-5,000 ยูนิต ให้กลับมาเป็นเงินสด

โดยสต๊อกสร้างเสร็จ แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 70% และ 30% เป็นบ้านแนวราบ ส่วนสต๊อกสร้างเสร็จที่มีอายุมากที่สุด 6-7 ปี คือ โครงการลุมพินี ซีวิว ชะอำ กว่า 700 ยูนิต ปัจจุบันเหลือขายกว่า 500 ยูนิต โดยจะใช้กลยุทธ์การลดราคาเป็นหลัก ด้วยการยอมลดอัตรากำไรขั้นต้นที่เดิมทำได้เฉลี่ย 22% ให้เหลือ 20% ทั้งนี้ เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย ค่าส่วนกลาง และค่าซ่อมแซม ซึ่งตามเป้าหมายปีนี้คาดหวังจะระบายให้ได้กว่า 1,800 ยูนิต หรือราว 4,500-5,000 ล้านบาท

“มองว่าการดึงกระสเงินสดกลับมา จะทำให้เกิดการลงทุนใหม่ๆ เมื่อนั้นราคาหุ้นของบริษัท ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 3.7 บาท จะกลับมาเข้าใกล้มูลค่าตามบัญชี (Book Value) ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 8 บาทกว่า เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียตั้งแต่คู่ค้า พนักงาน และผู้ถือหุ้น”

โดยยังมีแผนนำ LPP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ในปีนี้ด้วยหากสถานการณ์ตลาดทุนเอื้ออำนวย รวมถึงการลงทุนไปในธุรกิจใหม่ๆ และเปิดโอกาสในการร่วมทุนกับนักลงทุนต่างชาติโดยเฉพาะที่อยู่ระหว่างการเจรจากับกลุ่มทุนญี่ปุ่น 2-3 ราย

ส่วนแผนเปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,520 ล้านบาท แบ่งเป็นเพลส 168 วุฒากาศ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 980 ล้านบาท และโครงการบ้านแนวราบ 5 โครงการ มูลค่า 5,540 ล้านบาท ทำเลสุขุมวิท 77, นครปฐม, ราชพฤกษ์ตัดใหม่, กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ และ เจษฎา บดินทรานุสรณ์-ราชพฤกษ์ พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้ 1.1 หมื่นล้านบาท เติบโต 10% จากปี 2566 ที่มียอดขาย 1 หมื่นล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน