นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ เอดับบลิวซี เปิดเผยว่า เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์การเติบโตเติบโตก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การลงทุนโครงการใหม่ๆ ที่บริษัทได้วางไว้ในขณะนี้มีทั้งหมด 70 โครงการ ระยะลงทุนมากกว่า 5 ปี ภายใต้แผนการเติบโต และการพัฒนาโครงการท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์มาตรฐานระดับโลกเพื่อเร่งขยายพอร์ททรัพย์สินเพิ่มขึ้นอีกกว่า 2 เท่าตัว ภายในระยะเวลา 5 ปี ในจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพฯ พัทยา เชียงใหม่ ภูเก็ต ชะอำ หัวหิน รวมถึงเชียงราย

ภายใต้แนวทางในการดำเนินงานที่ประกอบด้วย การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เป็นโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ระดับแฟลกชิปซึ่งเป็นโมเดลที่บริษัทเชื่อว่าจะสร้างความแข็งแกร่งอย่างยั่งยืนที่สร้างในรูปแบบของการเป็นจุดหมายปลายทางด้านการมาท่องเที่ยวให้กับประเทศ อาทิ โครงการล้านนาทีค ที่เชียงใหม่ ทำให้บริษัทได้วางกลยุทธ์ในการนำโรงแรมคุณภาพระดับต้นๆ ของโลกซึ่งมีฐานลูกค้าทั่วโลกและมีกำลังซื้อเข้ามาที่เชียงใหม่ และตามด้วยการพัฒนาแหล่งช็อปปิ้งรวมถึงการสร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม รวมถึงโครงการเวิ้ง ไชน่าทาวน์, เอเชียทีค เฟสขยาย และ อควอทีค พัทยา เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างการปรับเพิ่มแบบ เพื่อเตรียมยื่นรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)

ประกอบกับในปี 2566 รายได้รวมของบริษัทอยู่ที่ 19,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.9% เมื่อเทียบกับปีก่อน (YoY) และเหนือกว่าปี 2562 ก่อนเกิดโควิด อีกทั้งในปีที่ผ่านบริษัทยังสามารถสร้างผลการดำเนินงานสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 5 ด้าน เริ่มจากกำไรสุทธิ 5,105 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงาน 10,639 ล้านบาท โดยเติบโตจากปีก่อนหน้า 28.2% และ 26.6% ตามลำดับ และเมื่อเทียบกับปี 2562 เติบโตถึง 49% และ 19% ตามลำดับ

โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการค่อนข้างโดดเด่น สามารถทำรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตถึง 54.8% หรืออยู่ที่ 3,658 บาท และมีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (ADR) 5,661 บาท/คืน เพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับปีก่อน รวมถึงบริษัทยังสร้างการเติบโตของมูลค่าทรัพย์สินกว่า 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโรงแรม 3 แห่ง และห้องอาหาร 6 แห่ง เพื่อสร้างกระแสเงินสดและเพิ่มศักยภาพในการสร้างกำไรจากการดำเนินงาน อาทิ การลงทุนในโรงแรมพลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก รวมมูลค่าพอร์ตทรัพย์สินทั้งหมด 146,799 ล้านบาท

ทั้งนี้ จากกระแสเงินสดของบริษัทที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทได้เพิ่มงบลงทุนระยะ 5 ปี (2567-2571) จาก 1 แสนล้านบาท เป็น 1.26 แสนล้านบาท โดยยังรักษาอัตราหนี้สินต่อทุนไม่ให้เกิน 1.1 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 0.8 เท่า

ซึ่งเฉพาะในปีนี้ บริษัทมีแผนสร้างมูลค่าทรัพย์สินกว่า 36,000 ล้านบาท ประกอบด้วยการเปิด 18 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท และโครงการที่อยู่ระหว่างการขออนุมัติการลงทุนอีกกว่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งโรงแรมแฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท-อโศก ขนาด 500 ห้อง จะเป็นหนึ่งในโครงการของปีนี้ที่มีมูลค่าสินทรัพย์สูงถึง 5,000 ล้านบาท ที่เตรียมจะเปิดให้บริการในปลายปีนี้ และจะเป็นหนึ่งในโรงแรมสำคัญที่จะสร้างกระแสเงินสดกลับเข้ามาในบริษัทในปีนี้และอนาคตด้วย

“บริษัทเชื่อมั่นจุดแข็งด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ที่มีธรรมชาติสวยงาม คนไทยที่พร้อมรับนักท่องเที่ยว และมีแหล่งไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย รวมถึงมีการส่งเสริมจากภาครัฐในแง่ของการเปิดวีซ่าฟรี ให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกอบบริษัทมีโครงการคุณภาพเข้ามาอย่างต่อเนื่องเชื่อว่าผลักดันรายได้และสร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน