นางเกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาหมู่บ้านโซลาร์รายแรก เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2567 ”ยาก ยุ่ง เยอะ” จากปัจจัยเสี่ยงรอบด้าน ทั้งคู่แข่งเยอะ ปัญหาก็เยอะทั้งหนี้ครัวเรือนสูง หนี้นอกระบบเยอะ ดอกเบี้ยสูง และต้นทุนสินค้าขึ้นสูง ซ้ำด้วยราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น 1.5% ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยปรับขึ้นเฉลี่ย 5-10% ขณะที่คนต้องการซื้อที่อยู่อาศัยเยอะ แต่ซื้อไม่ได้ เนื่องจากมีหนี้สูง ทำให้ถูกปฏิเสธสินเชื่อ (รีเจ็กต์) จากสถาบันการเงิน ซึ่งทั้งระบบสูงถึง 70% เฉพาะลูกค้าของเสนาฯ ถูกรีเจ็กต์ประมาณ 50% เนื่องจากบริษัทถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดที่อยู่อาศัยต่ำกว่า 1.5 ล้านบาท
ดังนั้นเพื่อให้บริษัทก้าวข้ามปัจจัยลบดังกล่าวให้ได้ โดยมองว่าการขายบ้านและคอนโดมิเนียมอย่างเดียวคงไม่มีพลังเพียงพอ ทำให้ปีนี้บริษัทจะใช้พลังจากธุรกิจที่มีทั้งหมด 16 บริษัท โดยเฉพาะการสร้างกลไกทางการเงินภายใต้ “เงินสดใจดี” เข้ามารองรับเพื่อลดปัญหาลูกค้ากู้ไม่ผ่าน โดยบริษัทมีเม็ดเงินรองรับการปล่อยสินเชื่อให้ลูกค้าสูงสุดนาน 3 ปี เพื่อสร้างความพร้อมด้านการเงินก่อนขอสินเชื่อกับธนาคาร
นอกจากนี้ ด้วยสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้ทำให้ผู้บริโภคไม่กล้า และไม่พร้อมจะก่อหนี้ระยะยาวทำให้ในปลายมี.ค.นี้ บริษัทเตรียมเปิดตัวธุรกิจเช่าซื้อที่อยู่อาศัย และหากลูกค้ามีความพร้อมจะก่อหนี้ ก็สามารถเปลี่ยนเป็นเจ้าของในอนาคตได้ รวมถึงจากพฤติกรรมเด็กรุ่นใหม่ ชอบที่จะเช่าที่อยู่อาศัยมากกว่าซื้อ เรียกว่ากลุ่ม Generation Renting ที่เลือกจะเช่าบ้านไปเรื่อยๆ แทนการซื้อเป็นเจ้าของ ทำให้บริษัทเตรียมจะเปิดกลุ่มธุรกิจนี้เพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายนี้
โดยเฉพาะปีนี้รัฐบาลเตรียมขยายเพดานราคาคอนโดมิเนียม ที่สามารถรับสิทธิประโยชน์ทางภาษี (บีโอไอ) เพิ่มเป็น 1.5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีทั้งสร้างเสร็จและอยู่ระหว่างการก่อสร้างรวม 22 โครงการ รวม 9,816 ยูนิต มูลค่ารวม 13,840 ล้านบาท ซึ่งจะเข้ามาตอบโจทย์ตลาดดังกล่าวได้ นอกจากนี้ ตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ มูลค่ารวม 28,000 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้าน 5 โครงการ และคอนโด 12 โครงการ ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัยที่อยู่ระหว่างการขายรวม 99 โครงการ มูลค่ารวม 1.1 แสนล้านบาทครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ พร้อมตั้งเป้ายอดขายปีนี้ไว้ที่ 17,500 ล้าน
ขณะที่ตั้งเป้ารายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ไว้ที่ 12,700 ล้าน รายได้จากธุรกิจบริหารโครงการและบริการ ตั้งเป้ารายได้ที่ 1,400 ล้าน ธุรกิจพลังงานสะอาดตั้งเป้ารายได้ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 ที่มีรายได้ 10,954 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทยังควบคุมอัตราหนี้สินต่อทุนในระดับ ปัจจุบันที่ 1.14 เท่า
