นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่านโยบายบริษัทในระยะ 3 ปีจากนี้จะไม่ซื้อที่ดินเลย ขณะเดียวกันจะเดินหน้าลดภาระหนี้จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน 1.9 เท่า โดยจะทยอยลดให้เหลือ 1.4 เท่าภายในปีนี้ และตั้งเป้าภายใน 3 ปีจากนี้จะเหลือต่ำกว่า 1 เท่า ประกอบกับปัจจุบันบริษัทมีที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนา 3 โครงการ รวมถึงโครงการที่อยู่ระหว่างการขายทั้งคอนโดมิเนียมและบ้านแนวราบคิดเป็นมูลค่ารวม 30,000-40,000 ล้านบาท ซึ่งหากไม่มีสถานการณ์ใดเข้ามา บริษัทจะสามารถสร้างรายได้ปีละไม่น้อยกว่า 6,000-7,000 ล้านบาท ในระยะ 3 ปี

ปัจจุบันฐานะการเงินของบริษัทมีความแข็งแกร่งแล้ว โดยมียอดขายรอรับรู้รายได้แล้วกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่ง 4,800 ล้านบาท จะโอนและรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้

ทั้งนี้ บริษัทยังมีธุรกิจอื่นๆ ที่ต่อยอดด้านการให้บริการเกี่ยวกับการพักอาศัยด้วย เช่น ธุรกิจโรงแรม, ร้านอาหาร, บริการด้านสุขภาพ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย เพื่อรองรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคทุกกลุ่ม รวมถึงที่ผ่านมาบริษัทพัฒนาคอนโดมิเนียมในรูปแบบแบรนด์เดดเรสซิเดนซ์ สำหรับรองรับตลาดทั้งซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และซื้อเพื่อลงทุนปล่อยเช่า ซึ่งจะมีการบริหารจัดการจากแบรนด์ของโรงแรมชั้นนำ โดยจะให้ผลตอบแทนจากส่วนต่างของกำไรจากการซื้อขายเปลี่ยนมือที่สูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับโครงการคอนโดมิเนียมทั่วไป โดยเฉพาะโครงการแลนด์มาร์ค แอทเอ็มอาร์ทีเอ สเตชั่น (พระราม 9) ที่จะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมโอนในปลายปีนี้

นายขจรศิษฐ์ กล่าวถึงมาตรการลดค่าธรรมเนียมภาษีโอนและจดจำนองอสังหาริมทรัพย์ราคาไม่เกิน 7 ล้านบาท เหลือ 0.01% ทำให้ลดค่าใช้จ่ายของบริษัท เนื่องจากปกติผู้ประกอบการให้โปรโมชั่นค่าโอนฯ ฟรีอยู่แล้ว แต่เมื่อภาครัฐ มีมาตรการดังกล่าว บริษัทสามารถให้ของแถมเพิ่มอาทิ เฟอร์นิเจอร์ เพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้ดียิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ดี ภาระที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ มองว่าไม่เป็นธรรม คือ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยเฉพาะโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งห้องที่ยังขายไม่ได้ จะต้องเสียภาษีล้านละ 3,000 บาท จากเดิมไม่เสีย แต่จะเสียเป็นเป็นภาษีโรงเรือน ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีภาระ ภาษีฯ เพิ่มปีละ 40 ล้านบาท ซึ่งมองว่าในกรณีรัฐบาลควรเก็บภาษีเมื่อขายได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน