นายฐิติวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แค๊ปสโตน แอสเสท จำกัด ในฐานะผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เต็มรูปแบบ ในตลาดลักซ์ชัวรี่ ไลฟ์สไตล์ เปิดเผยว่า นโยบายการลงทุนของบริษัท ทั้งลงทุนเอง ร่วมทุน และเป็นที่ปรึกษาด้านการพัฒนาโครงการ ซึ่งจากประสบการณ์พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่ประสบความสำเร็จมาทุกโครงการตลอด 21 ปีที่ผ่านมา ทั้งโครงการคอนโดมิเนียม และบ้านแนวราบ อาทิ คอนโดมิเนียมโครงการต้นสนวัน ซ.ต้นสน โครงการคูเปอร์ สยาม ถ.รองเมือง ปทุมวัน

ส่วนแนวราบในรูปแบบเออร์เบิร์น วิลล่า ภายใต้โครงการควอเตอร์ 3 ทำเล ประกอบด้วย สุขุมวิท 31,39 และ ทองหล่อ รวมถึงไลฟ์สไตล์ มอลล์ ภายใต้โครงการแคนวาส เพลินจิต ปัจจุบันมีผู้เช่าเกือบ 100% โดยในช่วง 2 ปี (2566-2567) บริษัทมีรายได้รวมเฉลี่ย 1,500 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีการลงทุนโรงแรมคิมป์ตัน คีตาเล สมุย เปิดให้บริการพร้อมขายให้กับกลุ่มทุนฮ่องกงในปีเดียวกันเมื่อปี 2564

ขณะเดียวกันบริษัท ติดตามตลาดอสังหาริมทรัพย์ใน จ.ภูเก็ต มาตลอด โดยปัจจุบันภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทำให้บริษัทเห็นโอกาสการลงทุน และล่าสุดตัดสินใจลงทุนพัฒนาโครงการโครงการเพย์ลา ภูเก็ต บางเทา ตั้งอยู่ใกล้กับศูนย์การค้าโบ๊ท อเวนิว บนพื้นรวมเกือบ 11 ไร่ ประกอบด้วยอาคารพักอาศัยสูง 7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร จำนวนห้องชุดพักอาศัยทั้งหมด 408 ยูนิต มูลค่า 3.4 พันล้านบาท โดยมีการออกแบบให้เหมาะกับการอยู่อาศัยและเหมาะกับการลงทุน ซึ่งอาคารทั้ง 3 ออกแบบให้ล้อมรอบลานขนาดใหญ่ที่ครอบคลุม 40% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด
โดยกำหนดเปิดขายในวันที่ 9 ธ.ค.นี้ ขณะที่สำนักงานขายจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในไตรมาส 2 ปี 2568 พร้อมกับจะเริ่มงานก่อสร้างโครงการในช่วงเวลาเดียวกัน และจะแล้วเสร็จพร้อมเข้าอยู่กลางปี 2570 อีกทั้งบริษัทมีแผนทำงานร่วมกับผู้ให้บริการด้านบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์มืออาชีพเข้ามาดูแลด้านการเช่า

“หาดบางเทา เป็นทำเลที่มีความหลากหลายทั้งแหล่งร้านอาหาร แหล่งกินดื่มไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้ง โรงเรียนนานาชาติ และบริการด้านสุขภาพ ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่เติบโตเร็วมาก เป็นเสมือนทำเลสุขุมวิทของกรุงเทพฯ โดยการลงทุนคอนโดฯ ในภูเก็ตขณะนี้ ยังสามารถหาโครงการที่ได้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าได้ในระดับ 8-10% เพราะราคาคอนโดฯ ในภูเก็ตยังไม่สูง แต่ให้ผลตอบแทนค่าเช่าค่อนข้างดี เนื่องจากกลุ่มลูกค้ามีกำลังซื้อสูง เมื่อเทียบการลงทุนคอนโดฯ ในกรุงเทพฯ ขณะนี้หาผลตอบแทนในระดับ 10% เป็นไปได้ยากมากแล้ว”

สำหรับขนาดห้องพักในโครงการเพลา ภูเก็ต บางเทา เริ่มที่ 1 ห้องนอน 45 ตร.ม., 2 ห้องนอน 82 ตร.ม. และ 90 ตร ม. และห้องพิเศษคอมไบน์ หรือนำ 2 ห้องมารวมกัน เป็น 3 ห้องนอน ขนาด 127 ตร.ม. ทุกห้องมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้าครบชุด โดยมี บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้บริหารการตลาดและการขาย รองรับกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทย และต่างชาติในสัดส่วนเท่ากัน ขณะที่ราคาเริ่มที่ 5.5 ล้านบาท หรือเฉลี่ย 1.5 แสนบาท/ตร.ม. และเชื่อมั่นว่าโครงการจะได้การตอบรับอย่างดี

นายฐิติวัฒน์ ยังกล่าวด้วยว่า บริษัทยังมีแผนลงทุนต่อเนื่องบนพื้นที่กว่า 2 ไร่ ในพื้นที่ติดกับโครงการเพย์ลา ภูเก็ต บางเทา พัฒนาเป็นไลฟ์สไตล์มอลล์ และโรงแรมอัพเปอร์อัพสเกล ไลฟ์สไตล์ บูทีค รวมมูลค่า 1,200 ล้านบาท ตลอดจนยังมีแผนลงทุนโรงแรมในหาดนาใต้ จ.พังงา ขนาดที่ดิน 23 ไร่ ภายใต้แผนร่วมทุนกับกลุ่มนักลงทุนไทย

“เชื่อเหลือเกินกรุงเทพฯ ตลาดที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ และโรงแรม ยังเติบโตได้ ซึ่งจะเป็นแผนลงทุนในอนาคตของบริษัท บริเวณทำเลซอยต้นสน ชิดลม และเพลินจิต นอกจากนี้ ยังมองการลงทุนในสมุย และพัทยา ด้วยเช่นกัน”นายฐิติวัฒน์ กล่าว

น.ส.อาทิตยา เกษมลาวัณย์ หัวหน้าแผนกซื้อขายโครงการที่พักอาศัย บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า หาดบางเทา จ.ภูเก็ต มีขายหาดยาวเป็นอันดับ 2 ของภูเก็ต ประกอบกับศักยภาพของภูเก็ต ที่รัฐบาลมีการขยายสนามบินภูเก็ตเป็น 12.5 ล้านคน และยังมีการขยายสนามบินเฟส 2 ที่สามารถรองรับผู้โดยสารในอนาคตได้เป็น 18 ล้านคน รวมถึงหากรัฐบาลมีการลงทุนสนามบินอันดามัน จ.พังงา จะสามารถรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 22.5 ล้านคน อีกทั้งยังมีการขยายตัวของโรงเรียนนานาชาติในช่วง 5 ปีที่ผ่าน ทำให้ล่าสุดมีทั้งหมด 16 โรงเรียน ไม่เพียงเท่านั้นยังมีความต้องการของจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้นอีก 17% จากปี 2566 อีกทั้งภูเก็ตยังเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องการเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวมากที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาภูเก็ตมากที่สุด 5 อันดับแรก รัสเซีย จีน อินเดีย คาซัค และเยอรมัน

น.ส.อาทิตยา ยังกล่าวถึงภาพรวมในแง่ของผลตอบแทนจากการเช่า โดยในกรุงเทพฯ พบว่าผลตอบแทนจากค่าเช่าสูงสุดในขณะนี้อยู่ที่ 7.9-8% โดยอยู่ในย่านลุมพินี ขณะที่อัตราผลตอบแทนค่าเช่าในภูเก็ตอยู่ที่ระดับ 8-10% โดยที่ทำเลบางเทาได้รับความนิยมสูงที่สุด ซึ่งจะเห็นได้จากการมีโรงแรมระดับ 4 และ 5 เข้ามาเปิดในพื้นที่บางเทามากที่สุด อีกทั้งจากสถิติการขายคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ตั้งแต่ปี 2557 ถึงปัจจุบัน เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 1,148 ยูนิต โดยที่ในปี 2566 พบว่ามียอดขายคอนโดมิเนียมรวมกว่า 3,000 ยูนิต เติบโตจากปีก่อนหน้า 151% เทียบกับครึ่งแรกปีนี้มียอดขายไปแล้วประมาณ 3,000 ยูนิต เกือบเท่ากับยอดขายปีที่แล้วทั้งปี

ขณะเดียวเมื่อดูราคาคอนโดมิเนียมที่มีการซื้อขายมากที่สุดโดยในปี 2566 ราคาต่ำ 8 ล้านบาท มีสัดส่วนการขายสูงถึง 69% ขณะที่ 8-15 ล้านบาท มีสัดส่วน 25% และ มากกว่า 15 ล้านบาทอยู่ที่ 5% ส่วนครึ่งแรกปี 2567 ราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท มีสัดส่วน 63% สำหรับ 8-15 ล้านบาท มีสัดส่วน 17% และ มากกว่า 15 ล้านบาทเพิ่มขึ้นเป็น 10%

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน