นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2568 ถือเป็นอีกปีที่ท้าทายต่อเนื่อง ที่สำคัญผู้ประกอบการต้องรักษากระแสเงินสด ลดค่าใช้จ่ายเพื่อให้องค์กรอยู่ได้ ซึ่งจะเห็นว่าปัจจุบันมีองค์กรลดพนักงานไปแล้วไม่น้อยกว่า 5 บริษัทๆ ละ 100-200 คน ดังนั้นในปี 2568 จะเป็นปีแห่งการแข่งขันเพื่อความอยู่รอดของลลิลฯ
เนื่องจากบริษัทมองว่าปีนี้จะเป็นปีที่มีการแข่งขันดุเดือด ซึ่งบริษัทที่จะอยู่รอดได้สินค้าต้องมีคุณภาพ องค์กรต้องลดค่าใช้จ่าย และเน้นนวัตกรรม เพื่อความอยู่รอดและเติบโตในระยะยาว ในภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง และผันผวนรุนแรง
นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการผู้จัดการ ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า ไตรมาส 4 ปี 2568 จีดีพีไทย เติบโต 3.2% ต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดหวังว่าจะเติบโตได้ 4% จากเงินดิจิทัล 10,000 บาทเฟสแรกที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และทำให้ทั้งปี 2567 จีดีพีเติบโตได้เพียง 2.5% ต่ำกว่าที่คาดว่าจีดีพีจะจบที่ 2.8% เนื่องจากเงินดิจิทัลซึ่งเป็นกระแสเงินสด ทำให้ประชาชนไม่ได้นำเงินมาจับจ่ายในระบบเศรษฐกิจ โดยบางส่วนนำไปจ่ายหนี้ทำให้เงินไม่ได้เจ้ามาในระบบเศรษฐกิจอย่างที่รัฐบาลคาดหวัง
สำหรับปี 2567 ภาพรวมยอดโอนกรรมสิทธิ์บ้านแนวราบลดลง 21% แต่ตัวเลขยอดจดทะเบียนที่อยู่อาศัยลดลง 34% สะท้อนว่าที่หลายฝ่ายกังวลว่าตลาดที่อยู่อาศัยเปิดตัวใหม่จะล้นตลาดคงไม่เกิดขึ้น เพราะผู้ประกอบการเมื่อเห็นความต้องการของตลาดเปราะบาง ทำให้เกิดการชะลอลงทุน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าปีที่แล้วผู้ประกอบการหลายรายปรับลดแผนการลงทุนเปิดโครงการใหม่
ในส่วนของแผนธุรกิจของลลิลฯ ในปี 2568 ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่คาดการณ์จีดีพีปีนี้เติบโตที่ 2.7-2.8% ซึ่งเติบโตจากปีที่แล้วเล็กน้อย ขณะที่การชนะเลือกตั้งของนาย ทรัมป์ และเข้ามาเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของสหรัฐ ทำให้เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอนเพิ่มสูงขึ้นมาก ส่งผลให้ลลิลฯ เตรียมแผนรับมือ โดยเปิด 6-8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 4,000-5,000 ล้านบาท เน้นทำเลที่เคยมีการลงทุนแล้วและเป็นทำเลที่มีที่ดินแล้ว พร้อมวางงบซื้อที่ดินที่ 500-800 ล้านบาท มีอัตราหนี้สินต่อทุน 0.7 เท่า ซึ่งสอดรับกับนโยบายของบริษัท ที่ให้ความสำคัญในการบริหารสภาพคล่อง โดยตั้งเป้ายอดขายที่ 5,000 ล้านบาท เติบโต 10% จากปีก่อน