นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยหลังการหารือร่วมผู้บริหารระดับสูงของกลุ่มบริษัทเป๊ปซี่โค อิงค์ (PepsiCo, Inc.) ว่า ผู้บริหารของเป๊ปซี่มาหารือเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในเครื่องดื่มสำเร็จรูปที่ใช้น้ำตาลเป็นส่วนผสม โดยเป็นห่วงถึงการจัดเก็บที่อาจไม่ครอบคลุมประเภทสินค้า จึงเสนอให้จัดเก็บสินค้าทุกรายการที่มีส่วนผสมของน้ำตาล ไม่เพียงการจัดเก็บเฉพาะสินค้าประเภทเครื่องดื่มซอฟดริ้งก์ หรือเครื่องดื่มน้ำอัดลมเท่านั้น โดยกระทรวงฯ เตรียมรวบรวมข้อเสนอของภาคเอกชนครั้งนี้รายงาน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พิจารณาก่อนจะมีการกำหนดขอบเขตของภาษีที่ชัดเจนและประกาศใช้

“ทางกลุ่มเป๊ปซี่เข้ามาหารือโดยเป็นห่วงเรื่องของการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มผสมน้ำตาล ว่าจะมีการจัดเก็บไม่ครอบคลุมประเภทสินค้า จึงเสนอให้พิจารณาจัดเก็บในรูปแบบของสินค้าทุกประเภทที่ใช้น้ำตาลเป็นส่วนผสม หากมีการจัดใช้มากก็ให้จัดเก็บมากในลักษณะขั้นบันได ซึ่งกระทรวงฯ ก็รับฟังและจะนำข้อเสนอไปหารือต่อไป แต่อย่างไรก็ดีปัจจุบันขั้นตอนการพิจารณาภาษีดังกล่าวยังไม่มีพิจารณารูปแบบที่แน่ชัด อยู่ในขั้นตอนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาก่อนจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)”นางอภิรดี กล่าว

pepsimoji-packshot

สำหรับรายละเอียดของการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตในเครื่องดื่มสำเร็จรูปนั้น เป็นข้อเสนอในการปฏิรูปประเทศด้านสาธารณสุข เรื่องการป้องกันและควบคุมปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพด้านอาหารและโภชนาการ โดยมีสาระสำคัญแบ่งออกเป็น 2 ประเด็น คือ 1.จะดำเนินการจัดเก็บประเภทสินค้า อาทิ น้ำอัดลม ชาเขียว กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง นม นมเปรี้ยว นมถั่วเหลือง และน้ำผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลเกินมาตรฐานกำหนด และ 2.เสนอให้จัดเก็บภาษี 2 อัตรา ตามความเข้มข้นของน้ำตาล

นางอภิรดี กล่าวอีกว่า นอกจากการหารือถึงการจัดเก็บภาษีเครื่องดื่มแล้ว ทางภาคเอกชนยังต้องการขยายฐานการลงทุนในไทยทั้ง 3 ประเภทสินค้าที่ดำเนินการอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม ขนมขบเคี้ยว และอาหาร โดยเล็งเห็นว่าไทยมีศักยภาพด้านภูมิประเทศที่จะนำไปสู่การเชื่อมต่อขยายฐานลูกค้าในตลาดอาเซียน และอินเดียในอนาคต ดังนั้นจึงอยู่ระหว่างวางแผนขยายฐานการเพาะปลูกมันฝรั่งในไทย จากปัจจุบันมีพื้นที่เพาะปลูกอยู่ใน 9 จังหวัด รวมกว่า 6 หมื่นไร่ มีแผนจะลงทุนปลูกในพื้นที่ภูทับเบิกเพิ่มเติมอีกราว 300 ไร่รวมทั้งกระทรวงฯ ยังเสนอให้มองโอกาสในการขยายพื้นที่เพาะปลูกไปยังภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งภาคเอกชนก็รับปากที่จะพิจารณา

“ปัจจุบันทางบริษัทฯ ชี้แจงว่ามีการทำคอนแท็กฟาร์มมิ่งร่วมกับเกษตรกรในไทยอยู่แล้ว แต่การปลูกมันฝรั่งในไทยปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อการจัดใช้ของบริษัทฯ จึงมีการนำเข้าด้วยส่วนหนึ่ง ตอนนี้จึงมีแผนที่จะขยายการลงทุนเพิ่มเติม และรับปากว่าจะซื้อผลผลิตโดยให้ราคาสูงกว่าตลาด นอกจากนี้ปัจจุบันยังมีการใช้มันสำปะหลังเป็นส่วนประกอบราว 20% ในการผลิตสินค้า ทางกระทรวงฯ จึงเสนอให้มีการรับซื้อเพิ่มเติม ซึ่งทางบริษัทฯ ก็รับปากว่าจะขยายการผลิตเพิ่ม”รมว.พาณิชย์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน