นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าบริษัทได้ปรับเพิ่มงบซื้อที่ดินตามแผน 5 ปี (2558-2562) ภายใต้บริษัทร่วมทุนระหว่าง บีทีเอส กรุ๊ป กับ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) เป็น 30,000 ล้านบาท จากเดิมที่ตั้งไว้ 10,000 ล้านบาท ซึ่งตามแผนเดิมบริษัทจะมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยตามแนวรถไฟฟ้าร่วมกันรวม 25 โครงการ มูลค่ารวม 1 แสนล้านบาท ภายใน 5 ปี โดยล่าสุดพัฒนาไปแล้ว 8 โครงการ มูลค่ารวม 30,000 ล้านบาท ยอดขายคืบหน้าไปแล้ว 70% โดย 4 โครงการสามารถปิดการขายไปแล้ว และโดยเฉพาะโครงการเดอะไลน์ สุขุมวิท 71 มูลค่า 2,000 ล้านบาท ขณะนี้การก่อสร้างแล้วเสร็จก่อนกำหนด และอยู่ระหว่างทยอยโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้า คาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะทยอยโอนได้ 80% จากปัจจุบันโอนไปแล้ว 60%

the-line-sukhumvit71_03

ขณะเดียวกันเพื่อเพิ่มจำนวนที่ดินในการรองรับการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกัน ประกอบกับล่าสุดบริษัทชนะการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) และสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ครอบคลุมการให้บริการประชาชนในพื้นที่ประมาณ 3 ล้านคน และเมื่อรวมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่บริษัทให้บริการเดินรถในปัจจุบัน จะเป็นระยะทางรวมทั้งสิ้น 139.2 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโอกาสของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าที่บริษัทจะเป็นผู้ให้บริการในอนาคต ทั้งยังสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของบริษัทร่วมทุนที่ต้องการพัฒนาโครงการใกล้สถานรถไฟฟ้าบีทีเอสในระยะไม่เกิน 500 เมตร นอกจากนี้ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีชมพู และสีเหลือง ยังเป็นโอกาสของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบตามแนวรถไฟฟ้า ซึ่งจะเป็นรูปแบบใหม่ๆ ที่นอกจากจะรองรับกลุ่มเป้าหมายคนไทยในพื้นที่แล้ว ยังมีโอกาสรองรับลูกค้าต่างชาติได้ด้วยเช่นกัน

201612191558551-20041021145146

พร้อมกันนี้บริษัท ยังมีแผนร่วมทุนกับ บริษัท แกรนด์ คาแนล แลนด์ จำกัด เพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทมิกซ์ยูส 48 ไร่ ย่านพหลโยธิน ซึ่งเดิมใช้ชื่อโครงการบางกอกโดม ทั้งนี้เฉพาะมูลค่าที่ดินในปัจจุบันราคาตร.ว. ใกล้จะแตะ 1 ล้านบาทแล้ว โดยภายในโครงการจะประกอบไปด้วยห้างค้าปลีก คอนโดมิเนียมและโรงแรม ส่วนรายละเอียดคาดว่าจะชัดเจนได้ภายในเดือนก.พ.ปีหน้า ซึ่งในส่วนของศูนย์ค้าปลีกเบื้องต้นจะมีการเจรจากับผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่เพื่อมาเช่าพื้นที่หรือลักษณะการร่วมลงทุนก็เป็นไปได้ทั้งสองแนวทาง สำหรับส่วนที่อยู่อาศัยอาจจะแบ่งขายที่ดินให้กับบริษัทร่วมทุนบีทีเอส-แสนสิริ ต่อไป

รวมไปถึงในปี 2560 บริษัทจะมีการก่อสร้างโครงการเจ-พาร์ค ออฟฟิศ ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานบริเวณด้านหลังโครงการ เดอะไลน์ จตุจักร-หมอชิต มูลค่าเฉพาะค่าก่อสร้างประมาณ 6,000 ล้านบาท โดยมีพื้นที่เช่าทั้งหมด 140,000 ตร.ม. นอกจากนี้บริษัทยังเตรียมนำที่ดินในโครงการธนาซิตี้ บางนา กม.14 ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่อีกราว 400 ไร่ มาพัฒนาโครงการในรูปแบบเมือง โดยเบื้องต้นจะมีรถไฟฟ้าโมโนเรล ซึ่งเป็นโครงการรถไฟฟ้าเพื่อเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทางรางระหว่าง รถไฟฟ้าบีทีเอส สายสุขุมวิท และ รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและเข้าโครงการธนาซิตี้ด้วย เนื่องจากปัจจุบันที่ดินในย่านดังกล่าวยังไม่มีระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ในขณะที่มีประชากรพักอาศัยค่อนข้างหนาแน่น

เศรษฐา ทวีสิน

เศรษฐา ทวีสิน

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่าปี 2560 บริษัทวางยังคงตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 30-40% จากปี 2559 ที่คาดว่าจะทำยอดขายได้ 33,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากโครงการใหม่ๆ ที่จะทยอยเปิดการขายตั้งแต่ไตรมาส 1 โดยเริ่มจากโครงการ 98 ไวร์เลส คอนโดมีเนียมระดับซูเปร์ไฮเอนด์ มูลค่า 8,2000 ล้านบาท ที่บริษัทได้เปิดการขายไปก่อนหน้านี้แล้วบางส่วนล่าสุดมียอดขาย 40% และทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ปีนี้ ส่วนรายได้ในปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 5% จากปีนี้ที่คาดว่าจะอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท

ในส่วนของยอดขายต่างชาติจะขยับเป็น 8,000 ล้านบาท จากปัจจุบันที่ 5,300 ล้านบาท เนื่องจากมองเห็นโอกาสความต้องการซื้อของต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะชาวฮ่องกง สิงคโปร์ และไต้หวัน ซึ่งนิยมซื้อคอนโดมิเนียมตามแนวรถไฟฟ้าเนื่องจากการเดินทางสะดวก อีกทั้งราคาถูกเมื่อเทียบกับในประเทศหลายประเทศ ขณะเดียวกันทิศทางการเปิดตัวโครงการใหม่ในปีหน้า บริษัทเตรียมจะมีการเปิดเผยอีกครั้งในวันที่ 10 ม.ค. 2560 สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปีหน้า บริษัทมองว่าการเติบโตในระดับ 4-5% เนื่องจากไม่ปัจจัยกระตุ้นประกอบกับภาระหนี้ครัวเรือนของผู้บริโภคยังสูง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน