คลังแตะเบรกขึ้นดอกเบี้ย ห่วงเงินทุนไหลเข้าดันบาทแข็ง – สงครามการค้ายังไม่นิ่ง แล้วจะรีบขึ้นดอกเบี้ยทำไม ย้ำมีอิสระทำนโยบาย แต่ก็ต้องรับผิดชอบด้วย

คลังเบรกกนง.ขึ้นดอกเบี้ย – นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติ 5 ต่อ 2 เสียง ไม่เป็นเอกฉันท์ ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 1.50% ต่อปี ถือเป็นอิสระในการตัดสินใจของกนง. ที่จะประเมินสถานการณ์ ว่ามีความจำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ต้องขึ้น สำหรับการส่งสัญญาณของ กนง. ว่าจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในปลายปีนี้ เป็นแนวโน้มของอัตราดอกเบี้ยนโยบายทั่วโลกที่ต้องขึ้น

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของไทยต้องดูว่าควรจะขึ้นเมื่อไหร่ และต้องขึ้นในจังหวะที่เหมาะสม และต้องไม่ทำให้เศรษฐกิจของประเทศมีปัญหา เช่น การขึ้นดอกเบี้ยมากเกินไปก็จะส่งผลกระทบทำให้มีเงินทุนไหลเข้ามาอีก ทำให้ค่าเงินบาทแข็งขึ้นอีก ก็จะเป็นเรื่องที่ไม่ดีกับการส่งออกและเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ การขึ้นดอกเบี้ยที่มากเกินไป ก็จะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อไม่เข้าสู่กรอบเป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ 1-4% เพราะตอนนี้อันเงินเฟ้อแตะกรอบล่างอยู่เล็กน้อย กรณีอย่างนี้ กนง. ก็ต้องชั่งน้ำหนักว่าควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ แต่หาก กนง. มองว่าแนวโน้มเศรษฐกิจมันดีมากๆ แล้วจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในตอนนี้ ก็เป็นสิ่งที่ กนง. ต้องตัดสินใจ

“ตอนนี้ ธปท. บอกว่าเป็นห่วงเงินบาทจะแข็งค่า จากเงินทุนไหลเข้า รวมทั้งการปรับคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อปี 2562 จะต่ำลงอีก แล้วจะมาขึ้นดอกเบี้ยในตอนนี้ จะไปขึ้นดอกเบี้ยทำไม ซึ่ง ธปท. มีอิสระในการตัดสินใจ แต่ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อประเทศด้วย ไม่ใช่อิสระและให้ประเทศเป็นอย่างไรก็ได้” นายอภิศักดิ์ กล่าง

นอกจากนี้ ความเป็นห่วงเกี่ยวกับนโยบายกีดกันทางการค้าของสหรัฐและจีน รวมถึงสงครามการค้า ถ้า ธปท. เป็นห่วงปัจจัยดังกล่าว ก็ยิ่งไม่ควรต้องขึ้นดอกเบี้ย และควรจะต้องรอดูว่าสงครามการค้าจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยมากน้อยแค่ไหน หากเศรษฐกิจไทยโดนกระทบมาก ธปท.ก็ต้องชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ไม่ใช่ขึ้นดอกเบี้ยไปแล้วก็จะทำให้เศรษฐกิจมีปัญหา

รมว.คลัง กล่าวว่า กรณีที่ กนง. เป็นห่วงว่าถ้ามีการใช้อัตราดอกเบี้ยนโยบายต่ำเป็นเวลานานทำให้ตลาดคาดการณ์ และพฤติกรรมแสวงหาผลตอบแทน จนทำให้เกิดความเสี่ยง มันไม่เกี่ยวข้องกัน การหาผลตอบแทน คือ การที่นักลงทุนไปหาผลตอบแทนที่ดีขึ้น ซึ่งนักลงทุนสมัยนี้ ดูแลตัวเองเป็น และผู้ลงทุนส่วนมากเป็นรายใหญ่ทั้งนั้น สางนรายเล็กก็ยังฝากเงินอยู่ที่ธนาคารพาณิชย์ทั้งนั้น ยังไม่ได้นำเงินไปไหน ซึ่งกระทรวงการคลัง เตรียมขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) ให้รายย่อยแล้ว

สำหรับการคงประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจไทยในปีนี้ที่ 4.4% ซึ่งต่ำกว่าที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้ที่ 4.8% ก็เป็นเรื่องของ ธปท.ที่จะประมาณการณ์อย่างระมัดระวัง เพราะมีอิสระในการประเมิน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน