นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ล่าสุดวันที่ 26 ธ.ค.2559 บริษัท ซุปเปอร์ซาร่า ผู้นำเข้ารถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 489 คัน ยังไม่ได้เข้ามาเสียภาษีและค่าปรับนำรถเมล์ที่นำเข้าออกไป ซึ่งจะทำให้ส่งมอบรถให้กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ในวันที่ 29 ธ.ค.2559 ไม่ทัน ในส่วนของรถเมล์เอ็นจีวีที่นำเข้ามา 100 คันแรก และได้ผ่านพิธีการนำเข้าไปที่เรียบร้อยแล้ว แต่ทางบริษัทสำแดงนำเข้าเป็นเท็จ เพราะรถเมล์ผลิตในประเทศจีน แต่บริษัทแจ้งว่าผลิตในประเทศมาเลเซีย จึงมีความผิดตามกฎหมายศุลกากร ซึ่งมีขั้นตอนผู้นำเข้าต้องนำเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบรถเมล์ในส่วนนี้อีกครั้ง เพื่อกรมสรุปจะได้สรุปภาษีที่ยังจ่ายไม่ครบพร้อมทั้งค่าปรับ ซึ่งทางผู้นำเข้ายังไม่ได้ประสานเพื่อดำเนินการดังกล่าว

นายชัยยุทธ กล่าวอีกว่า เป็นสิทธิ์ของผู้นำเข้าว่าจะติดต่อกรมศุลกากรเพื่อนำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถเมล์ทั้ง 100 คัน ตอนไหนก็ได้ แต่หากทิ้งไว้นานบริษัทก็ต้องเสียค่าเก็บรักษารถเมล์ไว้ที่ด่าน และส่งมอบรถเมล์เอ็นจีวีให้กับ ขสมก. ไม่ทัน เพราะการตรวจสอบต้องใช้เวลานานหลายวัน สำหรับรถเมล์เอ็นจีวีที่เหลืออีก 389 คัน เท่าที่รับรายงานตอนนี้อยู่ที่ท่าเรือแหลมฉบังแล้ว 291 คัน ซึ่งทางผู้นำเข้ายังไม่ได้ยินใบขนให้กรมศุลกากร จึงยังไม่ทราบว่าผู้นำเข้าจะสำแดงการนำเข้าอย่างไร ส่วนรถเมล์เอ็นจีวีอีกอีก 98 คัน ยังไม่มาไม่ถึงท่าเรือแหลมฉบัง คาดว่ายังอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย

“หากผู้นำเข้ายื่นใบขนเพื่อนำเข้ารถเมล์ที่เหลือ 389 คัน หากไม่มีอะไรผิด ก็ต้องใช้เวลาดำเนินการ 2-3 วัน เพื่อปล่อยรถ ซึ่งหากวันที่ 26 ธ.ค. 2559 ยังไม่มาดำเนินการ ก็คิดว่าจะไม่ทันส่งมอบรถให้กับ ขสมก. เพราะรถบางส่วนยังขนไม่ถึงไทย และรถในส่วน 100 คันแรก ก็ต้องใช้เวลาตรวจสอบมากกว่า 2-3 วัน เพื่อสรุปภาษีและค่าปรับ”นายชัยยุทธ กล่าวและว่า กรมศุลกากรยืนยันว่ารถเมล์ทั้งหมดผลิตในประเทศจีน รถที่นำเข้ากลุ่มแรก 100 คัน ต้องเสียภาษีนำเข้า 40% ของราคารถคันละ 2.95 ล้านบาท พร้อมกับค่าปรับอีก 2 เท่าของภาษียังจ่ายไม่ครบ หรือ เป็นเงิน 370 ล้านบาท ถึงจะนำรถออกไปได้

สุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล

ด้านนายสุระชัย เอี่ยมวชิระกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) กล่าวว่าว่าคาดว่าภายใน 7 วันจากนี้ สำนักงานอัยการสูงสุดจะส่งผลสรุปการตีความว่า การที่เบสท์รินไปนำเข้ารถจากจีนแทนการนำเข้าจากมาเลเซียนนตามที่ระบุในสัญญาที่ทำไว้กับ ขสมก. ก่อนหน้านี้ว่า เป็นการนำไปสู่การบอกเลิกสัญญา หรือไม่ ซึ่งก็จะทำให้ขสมก.รู้ว่าควรจะดำเนินการต่ออย่างไร

“ขณะนี้ ขสมก.ยังไม่ได้รับมอบรถเมล์ ซึ่งเบสท์รินระบุว่าอยู่ระหว่างการจัดหาเงินมาจ่ายค่าภาษี และค่าปรับที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างไรก็ตาม ขสมก.คาดว่าเบสท์รินจะมีการส่งมอบรถเมล์ให้ ขสมก .ได้แน่นอน แต่อาจจะไม่ครบทั้ง489 ตัน ตามวันครบกำหนดรับมอบในวันที่ 29 ธ.ค.นี้ ซึ่งตามสัญญาเบสท์รินก็จะต้องจ่ายค่าปรับส่งมอบรถล่าช้าให้ ขสมก. คันละ 17,000 บาท/วัน จนกว่าจะส่งมอบรถได้ครบทุกคัน โดยขสมก.จะทยอยหักจากเงินค้ำประกัน 330 ล้านบาท ที่เบสท์รินวางค้ำประกันไว้กับ ขสมก.”นายสุระชัย กล่าวและว่า หากเบสท์รินไม่สามารถส่งมอบรถได้ จนนำไปสู่การบอกเลิกสัญญา ขสมก.เตรียมแผนสำรองคือนำรถเก่าวิ่งให้บริการต่อไปอีก 1 ปี จากนั้นอาจจะเปิดประมูลจัดหารถใหม่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน