นายสุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล ผู้อำนวยการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการจัดซื้อรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) 489 คัน วงเงิน 3,387 ล้านบาท ที่ลงนามสัญญากับบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ผู้ชนะการประมูลโครงการ โดยมีกำหนดส่งมอบรถเมล์ให้กับ ขสมก. ในวันที่ 29 ธ.ค.59 ว่า ทางบริษัท เบสท์รินฯ ได้แจ้งมาแล้วว่า ไม่สามารถส่งมอบรถเมล์ทั้ง 489 คันให้กับ ขสมก. ได้ทันตามที่กำหนดไว้ในสัญญาในวันที่ 29 ธ.ค.59 แต่กำลังพยายามนำรถเมล์มาส่งมอบให้กับ ขสมก. ให้ได้ ซึ่งจะเป็นเมื่อไหร่นั้นก็ยังตอบไม่ได้

สุระชัย เอี่ยมวชิรสกุล

ดังนั้นในวันที่ 30 ธ.ค.นี้ ขสมก. จะส่งหนังสือแจ้งเตือนไปยังบริษัท เบสท์รินฯ ในการสงวนสิทธิ์การปรับ สงวนสิทธิ์การเรียกค่าเสียหาย และเร่งรัดให้ส่งมอบรถเมล์ โดยจะให้เวลา 7-10 วัน เพื่อรอให้บริษัท เบสท์รินฯ ทำหนังสือตอบกลับมา เพื่อชี้แจงเหตุผลที่ไม่สามารถส่งมอบรถได้ทัน รวมทั้งมีแผนการดำเนินการต่อไปอย่างไร และจะส่งมอบรถเมล์ให้ได้เมื่อไหร่

นายสุระชัย กล่าวต่อว่า ในระหว่างที่ ขสมก. ทำหนังสือแจ้งเตือนไป ก็จะเริ่มดำเนินการปรับควบคู่ไปด้วย ตั้งแต่วันที่ 30 ธ.ค. ไปจนกว่าบริษัท เบสท์รินฯ จะส่งมอบรถ หรือจนกว่าจะหมดเงินค้ำประกันที่บริษัท เบสท์รินฯ วางไว้ 330 ล้านบาท และเมื่อครบวงเงินก็จะเลิกสัญญา ทั้งนี้สำหรับค่าปรับ จะรวมทั้งค่าปรับ และค่าเสียโอกาส คันละประมาณ 16,000 บาท จำนวน 489 คัน รวมเป็นเงินประมาณ 7.8 ล้านบาทต่อวัน

ต่อถามข้อถามถึงกรณีที่แหล่งข่าวจากกรมศุลกากรระบุว่า รถเมล์ 489 คัน นำเข้าจากประเทศจีนขัดกับสัญญาของ ขสมก. นายสุระชัย กล่าวว่า ขณะนี้ส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาแล้ว และรอผลจากอัยการอยู่ รวมทั้งรอผลการตรวจสอบจากกรมศุลกากรอยู่ด้วยว่ารถเมล์ดังกล่าวนำเข้าจากประเทศจีนจริงหรือไม่ จึงอยากให้ทุกอย่างชัดเจนก่อน ถึงจะสามารถให้รายละเอียดได้ว่าจะรับมอบรถเมล์จากบริษัท เบสท์ริน ได้หรือไม่ แต่หากนำเข้าจากจีนจริงก็เป็นการทำผิดสัญญา ซึ่ง ขสมก. ไม่สามารถรับมอบไว้ได้อยู่แล้ว เพราะในสัญญาส่งมอบระบุว่าต้องนำเข้าจากประเทศมาเลเซีย

สนิท พรหมวงษ์

ด้านนายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ขั้นตอนการขึ้นทะเบียนรถเมล์เอ็นจีวีของเบสท์รินนั้นสามารถทำได้เลยตามขั้นตอน แต่ทั้งนี้ต้องได้รับการอนุญาตจากทางกรมศุลกากรเพื่อขอนำรถเมล์ออกมาตีทะเบียน พร้อมเอกสารรับรองขั้นตอนการเสียภาษีและแหล่งที่มาของสินค้าอย่างชัดเจนก่อนถึงจะสามารถดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวให้ได้

นอกจากขั้นตอนการตรวจสอบเอกสารแล้วทางเบสท์ริน ยังต้องมีสำเนารับมอบรถจากจสมก.เพื่อยืนยันว่า การส่งมอบไม่ขัดกับสัญญาที่ทำไว้กับภาครัฐอีกด้วยก่อนเข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายคือการตรวจสภาพรถให้ตรงตามแบบ รวมถึงการติดตั้งระบบจีพีเอสและตั๋วโดยสารอิเล็กทรอนิกส์(e-ticket) ดังนั้นจึงต้องการความชัดเจนจากทางกรมศุลกากรว่าจะจัดการกับปัญหาดังกล่าวอย่างไรเพราะหากยอมให้ขึ้นทะเบียนไปก่อนแล้วมาพบว่าขัดกับหลักการนำเข้าหรือสัญญาของขสมก.จะทำให้เสียเวลาในการยกเลิกทะเบียนอีกด้วย ทว่าทางขบ.มีความพร้อมอยู่แล้วที่จะอำนวยความสะดวกให้กับเบสท์รินทั้งด้านการพิจารณาเอกสารและบุคลากรขึ้นทะเบียน

“กรมการขนส่งทางบกมีความพร้อมที่จะขึ้นทะเบียนให้กับทางเอกชนเนื่องจากได้ประสานกับขสมก.มาแล้วก่อนหน้านี้ เบื้องต้นได้จัดบุคลากรไว้รองรับการทำงานในวันเสาร์และวันอาทิตย์เพื่อเร่งรัดการขึ้นทะเบียนไม่ให้มีความล่าช้าแน่นอน โดยที่ล่าสุดเบสท์รินได้แจ้งว่าจะนำรถเมล์มาขึ้นทะเบียนเป็นล็อตไปไม่ได้มาทีเดียวทั้งหมด 489 คัน”นายสนิท กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน