พาณิชย์เผยสหรัฐตัดสิทธิจีเอสพีสินค้าไทย 11 รายการ ตามเกณฑ์ว่าด้วยความจำเป็นด้านการแข่งขัน ชี้บ่งบอกถึงความนิยมสินค้าไทยในสหรัฐ แนะเอกชนฉวยโอกาสส่งออกสินค้าที่ประเทศอื่นๆ โดนตัดสิทธิ

ตัดจีเอสพีสินค้าไทย 11 รายการ – นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 2561 รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ได้ออกประกาศผลการพิจารณาโครงการทบทวนพิเศษทางภาษีศุลกากรที่ให้กับประเทศกำลังพัฒนา (จีเอสพี) สหรัฐประจำปี 2560 (Annual GSP Product Review) โดยได้ตัดสิทธิจีเอสพีสินค้าจาก 15 ประเทศ ได้แก่ อาร์เจนติน่า เบลิซ บอสเนีย บราซิล เอกวาดอร์ อียิปต์ ฟอล์กแลนด์ อินโดนีเซีย คาซัคสถาน ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สุรินัม ตุรกี อินเดีย และไทย เนื่องจากมีการนำเข้าไปยังสหรัฐฯ เกินมูลค่าหรือเกินส่วนแบ่งตลาด180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และหรือ 50% ตามเกณฑ์ว่าด้วยความจำเป็นด้านการแข่งขัน (Competitive Need Limit: CNLs) ที่สหรัฐฯ กำหนด มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2561 เป็นต้นไป

ที่ผ่านมาในปี 2560 สหรัฐฯ ได้ให้สิทธิจีเอสพีแก่ไทยครอบคลุมสินค้ากว่า 3,400 รายการ คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,150.59 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยมีอัตราการใช้สิทธิ 69.98% สำหรับสินค้าที่ถูกตัดสิทธิจีเอสพีรวมทั้งสิ้น 11 รายการ มีมูลค่าเท่ากับ 46 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 1.11% ของมูลค่าการใช้สิทธิจีเอสพีสหรัฐฯ ทั้งหมด ซึ่งสินค้าดังกล่าว ประกอบด้วย 1. ดอกกล้วยไม้สด 2. ทุเรียนสด 3. มะละกอตากแห้ง 4. มะขามตากแห้ง 5. ข้าวโพดปรุงแต่ง 6.ผลไม้/ถั่วแช่อิ่ม 7. มะละกอแปรรูป 8. แผ่นไม้ปูพื้น 9.เครื่องพิมพ์ 10. เครื่องซักผ้า 11. ขาตั้งกล้องถ่ายรูป

ทั้งนี้ สหรัฐฯ ได้กำหนดเกณฑ์การตัดสิทธิจีเอสพีโดยพิจารณาจากเกณฑ์มูลค่าการนำเข้าเกิน 180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และส่วนแบ่งตลาด เกิน 50% โดยสินค้า 10 รายการของไทย มีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% และ อีก 1 รายการ คือ เครื่องซักผ้า มีมูลค่าการนำเข้าเกิน 180 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี นอกจากนี้ สำหรับสินค้าขาตั้งกล้องถ่ายรูป ฝ่ายไทยได้ตรวจสอบข้อมูลสถิตการค้าพบว่า ส่วนแบ่งตลาดในสหรัฐฯ มีเพียง 19.80% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ส่วนแบ่งตลาด 50% ซึ่งสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน ดีซีได้แจ้งไปยังสำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (US Trade Representative) ขอให้ดำเนินการตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง

สำหรับสินค้าที่ไทยถูกตัดสิทธิจีเอสพีทั้ง 11 รายการ โดยมีมูลค่าการใช้สิทธิปี 2561 (มค.-ส.ค.) ประมาณ 28.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นอัตราการใช้สิทธิ 14.3% และเมื่อถูกตัดสิทธิจีเอสพีจะเสียภาษีนำเข้าในอัตราปกติประมาณ 1-8% ทั้งนี้ ในการขอคืนสิทธิจีเอสพี รัฐบาลไทยสามารถยื่นคำร้องขอคืนสิทธิระหว่างการพิจารณาทบทวนรายการสินค้าประจำปี ในกรณีการนำเข้าสินค้านั้นของปีต่อไปจะต้องมีมูลค่าต่ำกว่าเกณฑ์ CNLs กำหนดและมีส่วนแบ่งตลาดนำเข้าไม่เกิน 50% โดยสำหรับกรณีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% จะต้องเป็นสินค้าที่ไม่มีการผลิตในสหรัฐฯ และไม่ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมภายในสหรัฐฯ

“เรื่องนี้เป็นทั้งข่าวดีและข่าวร้าย โดยข่าวร้ายคือเราโดนตัดสิทธิจีเอสพีทำให้สินค้าที่จะส่งออกไปยังสหรัฐต้องเสียภาษีที่ 1-8% ส่วนข่าวดีก็คือแสดงว่าสินค้าของไทยได้รับความนิยมจากตลาดสหรัฐอย่างมากมีส่วนแบ่งตลาดเกิน 50% และส่วนแบ่งตลาด 180 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ครั้งนี้ถือเป็นการถูกตัดสิทธิ์มากที่สุดในรอบ 10 ปี ขณะเดียวกันยังพบว่าปลาดาบแช่เย็นแช่แข็ง จากประเทศเอกวาดอร์ พรมถักด้วยมือ ผักสดและผลไม้ปรุงแต่งจากอินเดียถูกตัดสิทธิ์จากจีเอสพี ดังนั้น หากผู้ผลิตไทยสามารถผลิตป้อนตลาดสหรัฐฯ ทดแทนการนำเข้าจากประเทศที่ถูกตัดสิทธิ ก็จะเป็นช่องทางหนึ่งที่ไทยสามารถเปิดตลาดและขยายการส่งออกสินค้าประเภทใหม่ๆ ไปยังตลาดสหรัฐฯได้” นายอดุลย์ กล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน