คลังว๊ากเศรษฐีแอ๊บใช้บัตรคนจน สั่งสศค.เร่งตรวจสอบ ถ้าไม่เข้าข่ายยึดสิทธิ์ พร้อมเรียกเงินคืนหลวง โชว์แจกเงินสิ้นปีนี้อีก 3 รอบไร้ปัญหา เริ่ม 12 ธ.ค. ให้กดค่าเช่าบ้านได้อีกคนละ 400 บาท 14 ธ.ค. ลุยคืนแวต 5% และ 21 ธ.ค. แจกค่าเช่าบ้านอีกรายละ 1 พันบาท

จากกรณีสื่อสังคมออนไลน์มีการแชร์ภาพผู้หญิงได้รับเงิน 500 บาท จากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยที่มือมีทั้งแหวนทอง สร้อยทองคำ รวมไปถึง ต่างหูทอง พร้อมระบุข้อความว่า “เราก็ได้สิทธิ์น้าา..” ส่วนอีกภาพจะเห็นภาพสร้อยข้อมือทองคำ ของผู้หญิงรายหนึ่ง บรรยายภาพว่า “พี่ประยุทธ์ ให้ตังกินขนมเช้าๆๆๆ 500 หลาว….”

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ที่มีผู้ได้สิทธิบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ที่ได้รับเงิน 500 บาท ที่รัฐบาลอนุมัติช่วยเหลือค่าครองชีพเป็นของขวัญปีใหม่ ในช่วงวันที่ 8-10 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่ามีการโพสต์รูปภาพ ใส่ ทองคำ ทำให้สังคมตั้งข้อสังเกตว่าไม่ใช่คนจนจริงนั้น

จึงได้สั่งการให้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ไปเร่งตรวจสอบสิทธิ์ผู้ได้รับบัตรทุกราย ว่าเป็นไปตามเงื่อนไขหรือไม่ ซึ่งหากพบว่า มีรายได้ หรือมีทรัพย์สิน ไม่เป็นไปตามเกณฑ์ที่รัฐกำหนดไว้ ก็ต้องมีการตัดสิทธิ์ และเรียกคืนบัตรกลับมา เพราะต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยเป็นหลัก

ทั้งนี้ ในส่วนที่มีผู้ได้รับสิทธิ์จำนวนมากแห่ไปกดเงินสดออกมาใช้จ่ายนั้น กระทรวงการคลัง ยืนยันว่าเงินที่มอบให้ 500 บาท จะไม่จำกัดเวลาในการใช้ และไม่มีการดึงเงินกลับคืน แต่แนะนำว่าให้เก็บเงินไว้ในรูปแบบของบัตร และไปใช้จ่ายซื้อของจากร้านค้าที่ร่วมโครงการ เช่น ร้านธงฟ้าประชารัฐ ห้างค้าปลีกที่ร่วมโครงการ ซึ่งจะคืนเงินให้ผู้ใช้ 6% (เป็นการคืนภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% และ 1% สมทบกองทุนการออมแห่งชาติ) ให้กับผู้ที่ใช้บัตร ซึ่งจะคุ้มค่ากับเงินที่รัฐบาลมอบให้ประชาชนที่เข้าร่วมโครงการมากกว่า

“วงเงินที่เราให้ ผู้มีรายได้น้อยไม่จำเป็นต้องกดออกมาก็ได้ แต่สามารถนำไปรูดซื้อสินค้าในร้านค้าที่กำหนดได้ ซึ่งหากใช้ในวิธีดังกล่าว ผู้มีรายได้น้อยจะได้รับสิทธิการคืนภาษี อีก 5% ด้วย นอกจากนี้ บางร้านยังมีการจัดโปรโมชั่นส่วนลดเพิ่ม ซึ่งจะได้ประโยชน์มากกว่าการกดเงินออกมาอีก”นายอภิศักดิ์ กล่าว

น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า หน้าที่ตรวจสอบว่าผู้ใช้สิทธิ์บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รายใดไม่เข้าข่ายที่จะได้รับสิทธิ์ เป็นหน้าที่ของ สศค. ที่จะตามไปตรวจสอบสิทธิ์ หน้าที่ของบัญชีกลางคือการเบิกจ่ายเงินให้กับผู้ได้รับสิทธิ ซึ่งตามกฎหมาย หากไม่เข้าข่าย ก็สามารถเรียกเงินคืนได้ และระงับสิทธิ์ ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ หากมีการช่วยเหลือในครั้งต่อไป

ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 8-10 ธ.ค. กรมบัญชีกลางได้โอนเงินให้กับผู้ได้รับสิทธิ์แล้ว 11.3 ล้านราย คิดเป็นเงิน 5.66 พันล้านบาท โดนในช่วงดังกล่าว มีผู้รับสิทธิ์มากดเป็นเงินสดจากเครื่องเอทีเอ็มไป 4.6 ล้านคน คิดเป็น 2,300 ล้านบาท และ 8.5 แสนรายนำไปซื้อของจากร้านค้าผ่านบัตร รวม 425 ล้านบาท คิดเป็นเงินที่ยังเหลืออยู่ในระบบอีก 2,725 ล้านบาท ที่ยังไม่ได้มีการกดออกไปใช้

น.ส.สุทธิรัตน์ กล่าวว่าในวันที่ 12 ธ.ค.นี้ กรมบัญชีกลางพร้อมจะโอนเงินมาตรการช่วยเหลือค่าเช่าบ้านสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย เพื่อบรรเทาภาระค่าเช่าที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อยเป็นจำนวน 400 บาทต่อคนต่อเดือน โดยผู้ได้รับสิทธิจะต้องมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เป็นเวลา 10 เดือน ระหว่าง ธ.ค.61 -ก.ย.62 และเช่าที่อยู่อาศัย รวมถึงผู้สูงอายุที่ไม่มีที่อยู่อาศัยด้วย ตามข้อมูลการลงทะเบียนของผู้มีรายได้น้อย จำนวน 2.2 แสนคน รวมวงเงิน 920 ล้านบาท

หลังจากนี้กรมบัญชีกลางมีแผนจะโอนเงินสวัสดิการเพิ่มเติมให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐอีก 3 รอบ โดยรอบแรกในวันที่ 12 ธ.ค.จะเป็นในส่วนของค่าเช่าบ้าน 400 บาท และในวันที่ 14 ธ.ค.จะโอนคืนเงินภาษีมูลค่าเพิ่ม 5% จากยอดใช้จ่ายช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และรอบสุดท้าย วันที่ 21 ธ.ค.นี้ มาตรการช่วยเหลือค่าเดินทางไปรับการรักษาพยาบาลและค่าใช้จ่ายอื่นเกี่ยวกับสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ที่มีอายุเกิน 65 ปีขึ้นไป อีก 1,000 บาท จำนวน 3.5 ล้านคน รวมวงเงิน 3,500 ล้านบาท

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน