พาณิชย์ผ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก รวมพลังดันส่งออก-เจรจาการค้า 62
พาณิชย์ผ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลก – แม้สถานการณ์ของโลกในปี 2562 ยังมีหลายปัจจัยที่อาจบั่นทอนการเติบโตของเศรษฐกิจของไทย แต่กระทรวงพาณิชย์ ยังเดินหน้าดำเนินการตามนโยบายต่างๆ เพื่อผลักดันให้เศรษฐกิจของไทยเติบโตตามเป้าหมาย
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า ในปีหน้ากระทรวงมี นโยบายในการเดินหน้าขยายการค้าการลงทุนกับต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจโลกจะยังผันผวนและสงครามการค้าก็ยังจะมีอย่างต่อเนื่อง แต่ไทยต้อง หาทางเพื่อใช้ประโยชน์จากวิกฤตดังกล่าว
โดยประเทศที่จะเน้นเข้าไปทำการค้ามากที่สุดก็คือจีน เนื่องจากเป็นประเทศที่เป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยนอกเหนือจากสหรัฐและญี่ปุ่น รวมทั้งจะเน้นการเข้าไปทำตลาดในกลุ่มประเทศอาเซียนเพราะอยู่ใกล้ไทยมากที่สุด จากแนวคิดดังกล่าวก็มั่นใจว่าการขยายตัวการส่งออกของไทยในปีนี้และปี 2562 จะทำได้ถึง 8%
นอกจากนี้ยังมอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศหารือเพื่อทำข้อตกลงกับประเทศต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกด้านการค้าให้กับผู้ประกอบการไทย รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆ เช่น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศก็ให้ไปจัดทำแผนเพื่อส่งเสริมการค้าการลงทุนต่อไป
รวมทั้งจะให้ความสำคัญกับการดูแลราคาผลผลิตของสินค้าเกษตรให้ราคามีเสถียรภาพ โดยจะดูแลต้นน้ำถึงปลายน้ำ ขณะเดียวกันจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาปากท้องในรูปแบบต่างๆ เช่นจัดมหกรรมธงฟ้าประชารัฐ การตรึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภค ส่งเสริมการค้าออฟไลน์ ออนไลน์ ในสินค้าทุกประเภท
น.ส.พิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า(สนค.) กล่าวว่าปี 2562 ยังเชื่อมั่นว่า สินค้าส่งออกของไทยที่มีความหลากหลายและความสามารถทางการแข่งขันในระดับสูง จะเป็นโอกาสในการเร่งผลักดันการส่งออก และสนับสนุนให้การส่งออกไทยมีความยืดหยุ่น รับมือความผันผวนจากปัจจัยเสี่ยงภายนอกได้ดีขึ้น
รวมทั้งผลักดันให้การส่งออกไทยขยายตัวได้ตามเป้าหมาย สร้างความเข้มแข็งและรายได้ไปจนถึงเศรษฐกิจฐานราก โดยเล็งเห็นถึงความสำคัญของการขยายตัว ของการส่งออกในประเทศกลุ่มอาเซียน และ CLMV มากขึ้น และอาจทดแทนการส่งออกที่หดตัวลงในภูมิภาคอื่นๆ ได้
ที่ผ่านมาดำเนินการขยายความร่วมมือทางการค้าในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และพยายามเพิ่มบทบาททางการค้าของประเทศไทยในฐานะที่ประเทศไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 เพื่อรองรับการเติบโตในภูมิภาคต่อไป
สำหรับทิศทางการส่งออกในปี 2562 ยอมรับว่ายังต้องติดตามการเมืองในประเทศ เศรษฐกิจและการค้าโลกที่เริ่ม มีแนวโน้มชะลอตัวในปีหน้า ทั้งนี้ สนค. จะจัดตั้งทีมงานเฉพาะกิจเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์การค้าระหว่างประเทศ และรองรับความเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกต่อไปด้วย
ด้าน น.ส.บรรจงจิตต์ อังศุสิงห์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า เป้าหมายส่งออกปี 2562 อยู่ที่ 8% มูลค่า 2.76 แสนล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ดีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามมีผลต่อการส่งออกไทยคือสงครามการค้าและอัตราแลกเปลี่ยนยังเป็นประเด็นสำคัญ
ทั้งนี้เพื่อให้การส่งออกในปี 2562 เป็นไปได้ตามเป้าหมาย กรมมองแนวทางการทำงานไว้ 3 เรื่อง คือ
การเพิ่มช่องทางการค้าทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์
การสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ
และการผลักดันธุรกิจสู่สากล
โดยเฉพาะผู้ประกอบการในชุมชนซึ่งเป้าหมายในปีหน้า ต้องการผลักดันให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ที่มีศักยภาพทำตลาดต่างประเทศให้ได้พร้อมกัน มูลค่าการส่งออกเฉลี่ยรายเดือนทำอย่างไรให้ได้ตามเป้าหมาย กรมก็จะมีแผนการทำตลาดทั้งบุกเจาะตลาด ผลักดันสินค้าให้ชัดเจนมากขึ้น
สําหรับการผลักดันการค้าชายแดนนั้นนายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่าในปี 2562 คาดว่าเป้าหมายจะยังคงเติบโตต่อเนื่องจากปี 2561 ที่ทำได้กว่า 1.4 ล้านล้านบาท
ในปี 2562 กรมยังเดินหน้าจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการค้าชายแดนอย่างต่อเนื่อง เช่น สัมมนาเชิงปฏิบัติการ เรื่อง “รอบรู้มาตรการการค้า เสริมสร้างศักยภาพธุรกิจกับกรมการค้าต่างประเทศ” เพื่อเสริมสร้างความรู้ด้านมาตรการทางการค้าที่จะกระทบ การส่งออก–นำเข้า เช่น มาตรการควบคุมการส่งออกสินค้าที่ใช้ได้สองทาง การใช้ประโยชน์จาก e – Form D และลู่ทางการขยายตลาดสินค้าฮาลาล เป็นต้น
กิจกรรมจับคู่ทางธุรกิจผ่านโครงการ ‘Young Entrepreneur Network Development Program’ หรือโครงการ ‘เย็นดี’ ซึ่งเป็นโครงการสร้างเครือข่าย ผู้ประกอบการไทยกับประเทศเพื่อนบ้านที่กรมดำเนินการมาต่อเนื่องกว่า 5 ปี เป็นต้น
รวมทั้งผลักดันให้ผู้ประกอบการผลิตสินค้าเกษตรนวัตกรรม โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์จากข้าว มันสำปะหลัง โดยสถาบันส่งเสริมสินค้าเกษตรนวัตกรรม หรือ APi ก็จะจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการส่งออกอย่างต่อเนื่อง เช่น การจับคู่ธุรกิจสินค้าข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว/มันสำปะหลัง
ขณะที่ นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) ก็ระบุว่า กรมจะดำเนินการ มาตรการช่วยเหลือ ผู้มีรายได้น้อยและผู้สูงอายุผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐต่อไป โดยจะดำเนินการจัดหา ร้านค้าเข้าร่วมโครงการเป็นร้านค้าธงฟ้าประชารัฐกระจายให้ทั่วถึงในทุกพื้นที่
ปัจจุบันมีร้านค้าธงฟ้าประชารัฐกระจาย อยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศประมาณ 50,000 ราย ให้บริการประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกว่า 10 ล้านคนทั่วประเทศ
นอกจากนี้การที่กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับกระทรวงการคลัง นำแอพพลิเคชั่น “ถุงเงิน ประชารัฐ” เพื่อให้ร้านธงฟ้าประชารัฐให้บริการประชาชนผู้ถือบัตรสวัสดิการอย่างทั่วถึง ครอบคลุมไปถึงร้านค้ารายย่อย ช่องทางร้านธงฟ้าประชารัฐ กว่า 50,000 ร้านค้า
ด้านกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ (จร.) ก็เดินหน้าที่จะใช้ประโยชน์จากการเป็นประธานอาเซียนปี 2562 ต่อจากสิงคโปร์ในช่วงการประชุมสุดยอดอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 33 เมื่อกลางเดือนพ.ย.2561 ที่ผ่านมา โดย นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า ไทยจะนำเสนอประเด็นด้านเศรษฐกิจที่ต้องการให้อาเซียนร่วมกันผลักดันและดำเนินการให้สำเร็จในปี 2562 ภายใต้แนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล และยั่งยืน”
นอกจากนี้กรมยังได้ดำเนินโครงการ “เพิ่มศักยภาพเกษตรกรในยุคการค้าเสรี” เพื่อแลกเปลี่ยนความเห็น รับฟังข้อมูล ทราบความต้องการหรือปัญหาจากเกษตรกรโดยตรง โดยกรมมีแผนที่จะดำเนินการจัดกิจกรรมร่วมกับสภาเกษตรกรแห่งชาติ ในการลงพื้นที่ให้ความรู้แก่เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง
กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (พค.) โดย นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ก็จะเดินหน้าส่งเสริมการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัท มากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายในปี 2562 จะไม่ต่ำกว่าปี 2561 ที่ราว 8 หมื่นราย
ขึ้นอยู่กับความชัดเจนของการประกาศใช้มาตรการส่งเสริมให้บุคคลธรรมดาประกอบธุรกิจในรูปแบบนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่จะช่วยผลักดันให้มีการจดทะเบียนเพิ่มขึ้นได้ตามเป้าหมาย
กรมจะส่งเสริมให้เกษตรกรและคน ในชุมชนปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจใน ที่ดินกรรมสิทธิ์ หรือที่ดินที่มีสิทธิ์ใน การใช้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นหลักประกันทางธุรกิจได้
จัดทำราคากลางไม้ยืนต้น เพื่อใช้อ้างอิงในการตีราคาไม้ยืนต้นแต่ละชนิดว่าควรเป็นอย่างไร และคิดเป็นมูลค่าในการยื่นกู้ยืมหรือใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน นอกจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีการกำหนดชนิดของไม้ยืนต้นทางเศรษฐกิจ ที่จะได้รับการส่งเสริมเพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจนั้นมีชนิดใดบ้าง
เพื่อเป็นแนวทางให้เกษตรกรและชุมชนเพาะปลูกไม้พืชเศรษฐกิจที่ให้ผลประโยชน์สูงสุดและสามารถตัดเพื่อแปรรูปในภาคอุตสาหกรรมได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งทั้งสองแนวทางกำหนดให้แล้วเสร็จภายในเดือนก.พ. 2562
ทั้งหมดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของกระทรวงพาณิชย์ ที่จะฝ่าคลื่นลมการค้าโลก และสนับสนุนการค้าในประเทศของปี 2562