บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) ทะยานเริ่มบุ๊ครายได้ วินด์ฟาร์มผลิตไฟฟ้า “โครงการหนุมาน” พร้อมเดินหน้า รถยนต์ EV เต็มที่หลัง ครม.ไฟเขียว ภาษีสรรพสามิต 0% ตลอด 3 ปี ทุ่มงบลงทุน 2562-63 รวม 9,000 ล้านบาท

นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจในปีนี้ คาดเติบโตต่อเนื่องจาก ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทนเป็นหลัก หลังจากที่บริษัทได้ทำการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลม โครงการหนุมานเสร็จเรียบร้อยแล้ว และอยู่ ในขั้นตอน เริ่มผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โครงการหนุมาน 1 และ 8 ไปแล้ว เมื่อปลายเดือน ม.ค.นี้ และทะยอยส่วนที่ เหลือจนครบ ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมอยู่ที่ 664 เมกะวัตต์ โดยในช่วงต้นปี เป็นช่วงที่ดีของโรงไฟฟ้าพลังงานลม จากการเกิดมรสุมลม แรง รวมถึงพายุปาบึก ที่ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้

ด้านธุรกิจแบตเตอรี่ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเตรียมขึ้นโรงงานงานผลิตแบตเตอรี่ลิเที่ยม ไอออน พร้อมกับรุกเข้าไปต่อยอดในธุรกิจที่เกี่ยว เนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรุกไปยังธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ MINE ที่เตรียมจะนำรุ่นที่จะผลิตจริง ไปแสดงและเปิดให้จองสิทธิ์ ในงาน Motor Show ก่อนที่เริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการต่อไป ซึ่งจะเริ่มจำหน่ายรถยนต์ EV รุ่นอเนกประสงค์ หรือ MINE MPV ก่อน เป็นลำดับแรก

นับเป็นกลยุทธ์ในการสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลอย่างดียิ่ง ที่ส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าด้วยการงดการเก็บภาษี สรรพสามิตเป็นเวลา 3 ปี คือ ตั้งแต่ 1 มกราคม 2563 – 31 ธันวาคม 2565 ในระหว่างนี้ ก็เร่งรัดแผน เดินหน้าติดตั้งสถานีชาร์จแบตเตอร์รี่ เพื่อเตรียมรองรับรถยนต์ไฟฟ้าทั้ง MINE และแบรนด์อื่นๆ ซึ่งเชื่อว่า จะมีอัตราการเติบโตอย่างรวดเร็ว

ส่วนแผนการลงทุนเรือไฟฟ้า บริษัทได้วางงบลงทุนรวม 1,000 ล้านบาท ในการผลิตเรือโดยสารไฟฟ้าออกมาให้บริการ เป็นเรือโดยสาร สาธารณะ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการร่วมทำงานกับกรมเจ้าท่า ในการเตรียมความพร้อม การสั่งผลิตเรือตามแบบที่กำหนด ตลอดจนการเปิด โอกาสทางธุรกิจและเจรจากับพันธมิตรที่สนใจ คาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการได้ภายในปลายปีนี้

“บริษัทมุ่งมั่นที่จะลงทุน พัฒนาธุรกิจต่อยอดใหม่ๆ โดยใช้จุดแข็งที่เรามี ทั้งด้านเทคโนโลยี และทีมงานที่เข้มแข็ง ในปีช่วง 3 ปีที่ผ่านมาได้มี การลงทุนด้านการวิจัย และพัฒนา, ทำการตลาด ตลอดจนการเตรียมบุคลากรของเราอย่างจริงจัง ซึ่งจะได้เริ่มเห็นผลงานและทยอยรับรู้ราย ได้เข้ามาตามแผนงานของแต่ละสายธุรกิจ ตั้งแต่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้สายธุรกิจไบโอดีเซล ที่อยู่ระหว่างการเตรียมลงทุนในผลิตภัณฑ์ ใหม่ และขยายโรงงานแห่งใหม่ในพื้นที่จังหวัดระยอง สายธุรกิจโรงไฟฟ้าที่จะนำเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานมาต่อพ่วงเข้ากับโรงไฟฟ้าโซ ลาร์หรือลมเพื่อเพิ่มเสถียรภาพและการสร้างรายได้ของโรงไฟฟ้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ

สายธุรกิจยานยนต์สมัยใหม่ที่เริ่มจากการเตรียมพร้อมลงทุนในสถานีชาร์จไฟฟ้า EA Anywhereไว้ล่วงหน้า เพื่อรองรับการก้าวเข้าสู่ ผลิตภัณฑ์รถ EV ในชื่อแบรนด์ MINE Mobility และ เรือไฟฟ้าที่เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็วๆ นี้ จากแผนธุรกิจที่บริษัทเตรียมการไว้นี้ คาดว่า จะใช้เงินลงทุนสำหรับปี 2562-2563 ประมาณ 9,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากเงินทุนจากการดำเนินงาน เงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือ การออกหุ้นกู้ซึ่งได้มีการเตรียมการที่จะขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นในปีนี้ไว้” นายอมรกล่าว

อนึ่ง ในปี 2561 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 4,975 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 30.33% เมื่อเทียบจากงวดเดียวกันปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 3,817 ล้านบาท ทั้งนี้ หากไม่นับรวมกำไรทางบัญชีที่เกิดจากการรวมธุรกิจ Amita Technologies Inc., ไต้หวัน เข้ามาก็จะมีกำไรสุทธิในปี 2561 อยู่ที่ 4,080 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 12,490 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากงวดเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 11,673 ล้านบาท ปัจจัยบวก ที่สำคัญมาจาก ผลประกอบการจากโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหาดกังหัน และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั้ง 4 แห่ง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน