นายกิตติพล ปราโมช ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 2559 มีราย 1,246 ล้านบาท ขณะที่ปี 2560 ตั้งเป้าเติบโต 10% ภายใต้แผนการเปิดตัว 3 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 2,300 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.โครงการสัมมากร อเวนิว สุวรรณภูมิ ราคา 4 ล้านบาท รวม 322 ยูนิต บนพื้นที่ 31 ไร่ มูลค่าโครงการ 1300 ล้านบาท จุดเด่นของโครงการคือทำเลโดดเด่น บนถนนตัดใหม่ศรีนครินทร์-ร่มเกล้า เดินทางสะดวก ใกล้ทางด่วน ที่ดินโดยรอบมีแนวโน้มได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ กลายเป็นพื้นที่หนึ่งที่จะมีความเจริญน่าจับตามอง

2.โครงการสัมมากร อเวนิว ชัยพฤกษ์-วงแหวน ทาวน์โฮม 292 ยูนิต ราคาเฉลี่ย 3 ล้านบาท บนพื้นที่ 27 ไร่ มูลค่าโครงการ 876 ล้านบาท และ 3. โครงการออฟฟิศ พาร์ค รามอินทรา-วงแหวน โฮม ออฟฟิศ 4 ชั้น 24 ยูนิต บนพื้นที่ 3 ไร่ มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 6 ล้านบาท โดยทั้ง 3 โครงการอยู่ในระหว่างการเร่งก่อสร้าง พร้อมเปิดพรีเซลในไตรมาส 4

นอกจากนี้ สัมมากร ยังมีโครงการเดิมที่เปิดตัวในช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้แก่ โครงการสัมมากร รังสิต ไพร์ม 7 โครงการสัมมากร ชัยพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ โครงการสัมมากร เอสเก้า คอนโดมิเนียม ห่างรถไฟฟ้า 100 เมตร ราคาขายต่อตร.ม. 60,000 บาท ซึ่งยังเหลือยอดขาย 45% โดยช่วงที่ผ่านมามียอดขายเรื่อยๆ เดือนละกว่า 10 ยูนิต แต่สุดท้ายติดปัญหากู้ไม่ผ่าน ซึ่งคาดว่าหลังจากการก่อสร้างสถานีเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วงแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในเดือนส.ค.นี้ จะเพิ่มความสะดวกให้กับผู้บริโภค และจะเป็นปัจจัยผลักดันยอดขายสัมมากร เอสเก้า คอนโดมิเนียม ให้ดีขึ้นต่อเนื่อง

“ผลประกอบการปีที่แล้ว รายได้ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ 10% เป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจซบเซา ธนาคารระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ ประกอบกับศักยภาพการเงินของประชาชนถดถอย ส่งผลให้มียอดลูกค้าของบริษัทถูกปฎิเสธสินเชื่อจากธนาคารค่อนข้างสูงโดยบ้านเดี่ยว 20% ส่วนคอนโด 37-38% และส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งวงการไม่เพียงแต่สัมมากร ประกอบกับในปีที่ผ่านมา โครงการบ้านของสัมมากรทยอยปิดโครงการเดิมไปหลายโครงการ และโครงการใหม่ที่เกิดขึ้น 3 โครงการในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งสถานการณ์ไม่เอื้อต่อการจัดกิจกรรมการตลาด”

นายกิตติพล กล่าวอีกว่า สถานการณ์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ มีแนวโน้มทรงตัว ไม่ต่างจากปีที่ผ่านมา โดยคอนโดมิเนียม ราคาระดับกลางลงมาเหลือขายอยู่ในตลาดค่อนข้างมาก แต่คอนโดมิเนียมราคาระดับสูงยังคงมีความต้องการ ขณะเดียวกันในปีนี้จะได้เห็นผู้ประกอบการคอนโดมิเนียมหันมาลงทุนโครงการแนวราบมากขึ้น ซึ่งเป็นตลาดที่ยังคงมีความต้องการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มทาวน์โฮม ระดับราคา 2-4 ล้านบาท ที่มีฟังก์ชันครบเหมือนบ้านเดี่ยวในราคาประหยัดกว่า และบ้านเดี่ยวราคาสูง 7 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งเป็นตลาดที่สัมมากรมีความเชี่ยวชาญ และมีสินค้าอยู่ในมือพร้อมขายในปีนี้

ด้านนายณพน เจนธรรมนุกูล ผู้จัดการทั่วไปสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท สัมมากรฯ เปิดเผยความคืบหน้าการรีแบรนด์ ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ สัมมากร เพลส ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับปรุงให้ดูทันสมัยขึ้น โดยใช้งบ 30 ล้านบาท เพื่อขยายกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่พร้อมปรับปรุงผังร้านค้าผู้เช่าต่างๆ เพื่อรองรับการแข่งขันที่ค่อนข้างสูงและที่ผ่านมามีการเปิดตัวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเราต้องปรับเปลี่ยนให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากที่สุด โดยปัจจุบัน ศูนย์การค้าสัมมากร เพลส มี 3 สาขา รามคำแหง 110, รังสิต คลอง 2 และราชพฤกษ์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน