สงครามการค้าจีน-สหรัฐ ทุบส่งออกไทยแตะ 0% ‘ส.อ.ท.’ หวั่นใจมีโอกาสหลุดต่ำกว่า 0% ได้ จี้รัฐตั้งวอร์รูมรับมือ

เอกชนผวา! ส่งออกเหลือ 0% – นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวในฐานะประธานคณะทำงานศึกษาผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐและจีน ว่า ส.อ.ท. ประเมินสงครามการค้าระหว่างจีน-สหรัฐ ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างรุนแรง โดยส.อ.ท. คาดการส่งออกของไทยปีนี้จะปรับตัวลดลงเหลือ 0-1% จากเดิมคาดไว้โต 3-5% ส่งผลให้อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ปีนี้คาดการณ์เติบโตลดลงอยู่ที่ 3.4-3.5% จากเดิมคาดไว้ที่ 3.7-4% และหากสหรัฐปรับขึ้นภาษีสินค้าที่นำเข้าจากจีนทั้งหมด ที่มีมูลค่า 320,000 ล้านบาท จะยิ่งฉุดให้ส่งออกต่ำกว่า 0% แน่นอน

โดยการคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ในเดือน มิ.ย.นี้ จะพิจารณาปรับประมาณการ จีดีพีและส่งออกตามสภาพข้อเท็จจริง ซึ่งต้องยอมรับว่าผลกระทบมีทั้งบวกและลบ เบื้องต้นอุตสาหกรรมที่ได้รับกระทบคือ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนไฟฟ้า และวัตถุดิบลดลงชัดเจนตั้งแต่ปลายปี 2561 และยังมีความกังวลว่าในระยะต่อไปอาจส่งผลกระทบต่อสินค้าที่จีนส่งออกไปสหรัฐกว่า 5,000 รายการ มูลค่าถึง 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นสินค้าที่ไทยผลิตป้อนให้จีนด้วย จากปัจจุบันสัดส่วนการส่งออกสินค้าไทยไปจีนอยู่ที่ 12% ส่วนใหญ่เป็นสินค้ากึ่งวัตถุดิบ ชิ้นส่วนเพื่อประกอบส่งออก และใช้ในประเทศ ขณะที่มีสัดส่วนส่งออกไปยังสหรัฐ 10% ส่งออกไปอาเซียน 25%

“สงครามการค้าครั้งนี้คือของจริงไม่ใช่การขู่ ดังนั้นจึงขอให้รัฐบาลรวบรวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงแรงงาน กระทรวงการคลังและภาคเอกชนตั้งศูนย์เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ (War room) ขึ้นมาโดยเร็วที่สุด เพื่อเตรียมรับมือและแก้ไขช่วยเหลือรายอุตสาหกรรมต่างๆ ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งหน่วยงานด้านการลงทุน จำเป็นต้องวางแผนการลงทุนใหม่ทั้งระบบ เนื่องจากตอนนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีสิทธิประโยชน์และอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ซ้ำซ้อนกันอยู่ เช่น หากเลือกใช้สิทธิประโยชน์การลงทุนภายใต้ พ.ร.บ.อีอีซี จะทำให้ยอดลงทุนบีโอไอลดลง เป็นต้น”

อย่างไรก็ตาม ในเชิงบวกสินค้าบางประเภทที่สหรัฐส่งออกไปจีน เช่น สินค้าเกษตร เนื้อสัตว์ ผลไม้ ข้าว ถั่ว ไทยจะได้อานิสงส์ที่หันกลับมาซื้อสินค้าเหล่านี้จากไทยมากขึ้น รวมถึงเห็นทิศทางนักลงทุนจีนย้ายฐานการผลิตมายังไทยโดยเฉพาะการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่อีอีซี ซึ่งไทยก็ต้องเพิ่มความระวังเรื่องของเทคโนโลยีและคุณภาพสินค้าที่ไม่ได้มาตรฐานรวมถึงการเกิดปัญหาส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันต้องติดตามตรวจสอบการย้ายฐานของจีนนั้นเพื่อสวมสิทธิผลิตสินค้าส่งออกไปขายสหรัฐต้องมีไม่มากจนเกินไป จนทำให้ไทยมีดุลการค้าเกินดุลสหรัฐมากขึ้นกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงให้สหรัฐอาจพิจารณาตอบโต้ทางการค้ากับไทยได้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน