ททท. ดึงอาลีเพย์หนุน ร้านค้า-สปา-ช็อปปิ้ง ดันยอดนักท่องเที่ยวจีนโต 10% – ชี้ 5 เดือนแรกปีนี้ติดลบ 5.2%

ททท. ดึงอาลีเพย์หนุน – นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท. ลงนามในหนังสือแสดงเจตจำนง (แอลโอไอ) กับ บริษัท อาลีเพย์ (หางโจว) อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทด้านธุรกิจการเงินรายใหญ่ระดับโลกของประเทศจีน โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกในการใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทยได้ง่ายและคล่องตัวมากขึ้น ซึ่งททท. จะช่วยส่งเสริมจัดหาพันธมิตรในประเทศ ส่วนทางอาลีเพย์จะดึงเอาลูกค้าที่เป็นสมาชิกกลุ่มที่มีรายได้สูงมาเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้น

สำหรับบริษัท อาลีเพย์ (หางโจว) อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด เป็นบริษัทในเครือ แอนท์ ไฟแนนซ์เชียล ซึ่งเป็นบริษัทด้านธุรกิจการเงินรายใหญ่ระดับโลกที่มีบริการทางการเงินผ่านช่องทางออนไลน์แบบครบวงจร โดยมีสมาชิกผู้ใช้ในเครือมากกว่า 900 ล้านคน และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยสมาชิกทั้งหมดมีกลุ่มคนที่มีรายได้สูงอยู่จำนวนมาก ซึ่งไทยต้องการให้สมาชิกในกลุ่มดังกล่าวเดินทางเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ผ่านการส่งเสริมจากทางอาลีเพย์ในการจัดโปรโมชั่นดึงดูดสมาชิกเข้ามาเที่ยว เพื่อกระตุ้นการจ่ายด้านการท่องเที่ยวภายในประเทศไทย

นายฉัททันต์ กุญชร ณ อยุธยา รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. กล่าวว่า ททท. เตรียมไปส่งเสริมร้านค้าต่างๆ ในเมืองรองให้สามารถรองรับระบบของอาลีเพย์ ซึ่งขั้นตอนจากนี้ ททท. จะไปรวบรวมพันธมิตรทั้งที่เป็นสปา ร้านค้า ร้านอาหารที่เป็นพันธมิตรที่ยังไม่มีบริการของอาลีเพย์ เข้ามาร่วมมือ เพื่อสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวจากจีนสามารถเข้าไปใช้บริการได้ ขณะที่ทางอาลีเพย์จะไปจัดหาสมาชิกและจัดทำโปรโมชั่นดึงดูดเข้ามาเที่ยวในไทย

ทั้งนี้ ปี 2561 มีนักท่องเที่ยวจีนมาเยือนประเทศไทยประมาณ 10.5 ล้านคน คิดเป็นรายได้ 586,471 ล้านบาท ส่วนในปี 2562 ได้ตั้งเป้าหมายทั้งปริมาณและรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 10% คาดว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 11.6 ล้านคน สร้างรายได้ประมาณ 650,000 ล้านบาท และยังคาดว่า จากความร่วมมือกับอาลีเพย์ครั้งนี้ จะสามารถสร้างรายได้จากการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนในปี 2562 ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน แม้ว่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2562 (1 ม.ค.-20 พ.ค. 2562) จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเดินทางมาเพียง 4.4 ล้านคน หรือติดลบไป 5.2% ก็ตาม

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน