‘บิ๊กป้อม’ ปลื้มประมงผนึกเอฟเอโอแก้ไอยูยู หวังสร้างความตระหนักรู้อาเซียน – ยืนยันขั้นตอนโปร่งใสประมงไทยได้ประโยชน์

ปลดใบเหลืองทำประมงแบบไอยูยู – พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังพิธีเปิดงานวันสากลในการต่อต้านการทำประมงผิดกฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การ (IUU DAY) ว่า จากการที่ที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งองค์การสหประชาชาติ (The United Nations General Assembly) ได้ประกาศให้วันที่ 5 มิ.ย.ของทุกปี เป็นวันสากลในการต่อต้าน IUU โดยไทยได้ร่วมกับองค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ตลอดระยะเวลากว่า 4 ปี จนสามารถพัฒนากลไกเพื่อป้องกันและปราบปรามการทำประมงผิดกฎหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมแสดงบทบาทและความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ในการดำเนินการตามกฎระเบียบสากล และสามารถปลดใบเหลืองการทำประมง IUU ได้สำเร็จเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562

ทั้งนี้ รู้สึกยินดีและภูมิใจกับไทยและเพื่อนบ้าน ที่ตั้งแต่ปี 2558 ที่เอาจริงในเรื่องการปฏิรูปการประมงไทยให้ครอบคลุมทุกมิติ โดยยึดถือหลักปฏิบัติของเอฟเอโอ และหลักสากล เพื่อให้การทำประมงเกิดความยั่งยืน จนเกิดเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศสมาชิกเอเชียนแปซิฟิก เพื่อร่วมกันสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องของการทำการประมงที่ยั่งยืน เพื่อให้ความร่วมมือในระดับภูมิภาคบรรลุเป้าหมายในฐานะประธานประเทศอาเซียน จึงพยายามผลักดันการจัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ประสานงานเพื่อขจัดปัญหาไอยูยู ให้เกิดความสำเร็จอย่างกว้างขวาง

อย่างไรก็ตาม ยืนยันการแก้ปัญหาประมงไทย ดำเนินการด้วยความโปร่งใส ปฏิบัติตามกฎระเบียบสากล กติกาของสหภาพยุโรป ซึ่งรัฐบาลนี้ทำอย่างจริงจังในหลายเรื่อง จนเป็นที่ยอมรับขององค์กรสากล อาทิ เรื่องปลดใบเหลืองไอยูยูในประมงไทย องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ ได้ปลดธงแดงให้ระบบการบินของไทย และการปลดไทยจากบัญชีรายชื่อประเทศที่จับตามอง (เทียร์ 2) เป็นต้น

นายอดิศร พร้อมเทพ อธิบดีกรมประมง กล่าวว่า เดือนมิ.ย.นี้ จะมีการประชุมระดับเจ้าหน้าที่ด้านการประมงของอาเซียน เพื่อร่วมกำหนดบทบาทหน้าที่ และเป้าหมายการสร้างการตระหนักรู้ในเรื่องของการแก้ปัญหาไอยูยู ขณะนี้เรือที่ทำผิดกฎหมายมีปริมาณที่ลดลงอย่าง กรมประมงรับทราบถึงการก้าวผ่านการทำประมงของเรือประมงนอกน่านน้ำของประเทศไทย ซึ่งในอดีตยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามพันธกรณีของกฎหมายสากลและไม่มีการดำเนินการเพื่อป้องกันยับยั้งการทำประมงแบบไอยูยู ทั้งในเรื่องของกระบวนการทางกฎหมายที่ขาดความชัดเจนของกรอบกฎหมายในการกำหนดมาตรการติดตาม ควบคุมเฝ้าระวังการทำการประมง หรือจะเป็นเรื่องของการจัดการกองเรือที่ขาดการควบคุมไม่สามารถตรวจสอบใดๆ

ที่ผ่านมายังมีการตรวจพบการกระทำผิด ในเรื่องของการปฏิบัติให้เป็นไปตามหลักสากลในเรื่องของการออกจับสัตว์น้ำ ทั้งเรื่องของการบ้างเครื่องมือวีเอ็มเอส เพื่อลักลอบทำผิดกฎหมาย โดยล่าสุดพบมีการทำผิดกฎหมายประมงจำนวนมาก โดยประมงพื้นบ้านพบทำผิดจำนวน 223 ลำ ประมงพาณิชย์ทำผิด 226 ลำ จากจำนวนเรืองทั้งหมด 10,500 ลำ ซึ่งบางลำทำผิดซ้ำซาก ซึ่งอาจนำไปสู่การยึดใบอนุญาตไม่ให้ทำประมงได้อีก”

ด้าน พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้บัญชาการสำนักงานกฎหมายและคดี สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า รัฐบาลเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติตามกฏระเบียบสากล เพื่อขจัดปัญหาไอยูยู ส่งผลให้ปริมาณสัตว์น้ำปี 2561 เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ปริมาณ 2.5 แสนตัน สัตว์น้ำที่ประมงพื้นบ้านจับได้เพิ่มขึ้น 1.5 หมื่นตัน ส่งผลให้ไทยสามารถมีปริมาณสัตว์น้ำเพิ่มขึ้นจำนวนมากกว่า 8 แสนล้านบาท/ปี ดังนั้นในฐานะหน่วยงานที่ดูแลเรื่องกฎหมาย ขณะนี้เตรียมดำเนินการกับเรือที่คาดว่าจะทำผิดโดยมีเจ้าของเป็นคนไทย แต่ไปชักธงต่างชาติ จับสัตว์น้ำแบบผิดกฏหมายอยู่ระหว่างจับตามองประมาณ 4-5 ลำหากจับได้จะดำเนินคดีทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน